ทำได้เป้าหมายชัดมหา"ลัยไทย 4.0ทำได้ไม่ต้องสั่ง

 

       ไทยแลนด์ 4.0 กลายเป็นโจทย์ที่มหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องตีความ และตั้งเป้าแผนการบริหารงานมหาวิทยาลัยให้สอดคล้องกับนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลตั้งเป้า  ซึ่งเมื่อวันที่ 25  พ.ค. จุฬาฯ ร่วมกับที่ประชุมสภาข้าราชการ พนักงานและลูกจ้างมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย(ปขมท.) จัด“การประชุมวิชาการ ปขมท.ประจำปี 2560 ภายใต้หัวข้อ ไทยแลนด์4.0 กับอุดมศึกษาไทย” ที่ร.รเอเชีย โดยมีหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งในการบรรยายล้วนเกี่ยวข้องกับไทยแลนด์ 4.0 และมีผู้เข้าร่วมรับฟังประมาณ 200 คน 

     ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หน้าที่หลักของมหาวิทยาลัย คือ การเสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ และมหาวิทยาลัย 4.0 ต้องเป็นมหาวิทยาลัยสร้างคน ซึ่งบุคลากรทั้งสายวิชาการ และสายสนับสนุน ล้วนเป็นกำลังสำคัญของมหาวิทยาลัยในการสร้างและพัฒนาคน โดยทุกคนต้องปรับตัว ทำอย่างไรสร้างคนให้มีสมรรถนะในการแข่งขัน ทำงานได้ ปรับตัวเท่าทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญผู้บริหารต้องมีเป้าหมายชัดเจน วางนโยบายชัดเจนว่าจะเดินหน้าไปทิศทางใด บริหาร พัฒนามหาวิทยาลัยให้ผลิตบัณฑิต คนไทย 4.0

      ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ 

      บทบาทของมหาวิทยาลัยไทย 4.0 ต้องปรับตัว มีเป้าหมาย นโยบายชัดเจน พัฒนาคนผ่านหลักสูตรการเรียนการสอน ทำอย่างไรให้นิสิตนักศึกษาอยู่ในหมาวิทยาลัยได้รับความประทับใจ ซึมซาบสังคมดีๆ และมีความพร้อม ปรับตัว มีทักษะความสามารถ คุณสมบัติที่เหมาะสม

      อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวต่อไปว่า    มหาวิทยาลัย 4.0 ต้องสอนให้เด็กรู้รอบ เก่งรอบ คิดเป็น ทำเป็น สื่อสารได้ มีความรู้ ความสามารถ คิดบวก ช่วยคิดช่วยทำ ความคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดดั่งเดิมที่มีอยู่ รู้จักตั้งคำถามเพราะอะไร เนื่องจากทุกวันนี้โลกมีความซับซ้อนอย่างมาก การบริหารงานมหาวิทยาลัยจึงมีความซับซ้อนตาม ถ้ารู้จักบริบทรอบด้าน มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา ตีโจทย์ให้แตก เป็นสิ่งที่โลกปี 2020 ต้องการ

     รศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล รองอธิการบดีฝ่ายระบบวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)กล่าวว่า นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นแนวคิดที่ทันสมัย แต่จะให้ไปถึง 4.0 ได้ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งมหาวิทยาลัยเป็นองค์ประกอบหนึ่ง เพราะเป็นการสร้างคน สร้างผู้ประกอบการ สร้างงานวิจัย เทคโนโลยี โดยจะก้าวเข้าสู่ยุคนั้นได้มหาวิทยาลัยต้องเป็นหลักหนึ่งในการนำนโยบายไปสู่ปฏิบัติ ต้องร่วมมือร่วมใจกันหลายฝ่าย

                       รศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล
       “เราจำเป็นต้องปฏิรูปมหาวิทยาลัย เพราะการนำประเทศจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่งได้ มหาวิทยาลัยต้องปรับตัว ถ้ามหาวิทยาลัยยังยึดติดการบริหารระบบเดิม มหาวิทยาลัยไทย 4.0 จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น บุคลากรมหาวิทยาลัยต้องเข้าใจแนวคิดนี้ และเปิดรับ ซึ่งเมื่อก่อนบุคลากรมหาวิทยาลัยทำงานเฉพาะภายใน แต่ตอนนี้ต้องไปทำงานร่วมกับผู้อื่นภายนอก และถูกคาดหวังจากสังคม การวิจัยต้องตอบโจทย์ภาคสังคม อุตสาหกรรม ปฏิรูประบบการบริหารของมหาวิทยาลัยต้องปรับให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล”   

     รศ.ดร.พีระพงศ์ กล่าวต่อไปว่าตอนนี้ประเทศมีการตื่นตัว ไทยแลนด์ 4.0 มาก โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ไปเยี่ยมดูงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง และมีการจัดสรรงบประมาณด้านวิจัย เริ่มมีทิศทางตอบโจทย์ประเทศมากขึ้น ทำให้องค์กรขยับตัว ปฏิรูปการบริหารมหาวิทยาลัย การผลิตเด็กต้องปฏิรูปการเรียนการสอน ทำอย่างไรให้เป็นเด็กสมัยใหม่ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น ทำงานเป็น

      “มหาวิทยาลัยไม่ควรต้องรอนโยบาย แต่สามารถขยับได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องรอให้หัวสั่งอย่างเดียว เพราะอดีตทีผ่านมา เราไม่มีทิศทางหรือยุทธศาสตร์ชัดเจน มหาวิทยาลัยยังขยับมาได้ แต่ตอนนี้มีแรงส่งจะยิ่งทำให้การขยับเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น”