Lifestyle

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เผย 5 เทคนิค เล่นหุ้นอย่างชาญฉลาดโดยนักลงทุนวัยรุ่นไทย ที่จะช่วยสร้างรายได้และฝึกฝนทักษะให้เป็นผู้ใฝ่รู้

      ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เด็กสมัยนี้มีของที่ยั่วยุให้เกิดการเสียตังค์เต็มไปหมด เพราะปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ต่างทยอยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดให้พวกเขาได้เลือกซื้อกันอย่างตื่นตาตื่นใจ และเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส พวกเขาก็สามารถซื้อของที่ถูกใจได้ทันที ถึงกระนั้นเอง วิถีการจับจ่ายที่ทำให้เสียทรัพย์ไปง่ายดายเช่นนี้ กลับทำให้วัยรุ่นต้องสรรหาวิธีการออมเงินเพื่อมาเติมเต็มรายได้ส่วนที่หายไปด้วยเช่นกัน

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

      โดยการออมเงินด้วยวิธี“ลงทุนในหุ้น”ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างกำไรให้แก่พวกเขาได้เป็นกอบเป็นกำ ดั่งเช่น น้องนัน- นันพิชา จูงศิริวัฒน์  นักศึกษาหลักสูตรการศึกษาแบบบูรณาการด้านบัญชีและการบริหารธุรกิจ (IBMP) จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เริ่มมีเงินเก็บถึงหกหลักจากการเล่นหุ้น ตั้งแต่อายุยังน้อย

     น้องนัน -นันพิชา เล่าว่า สนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย เพราะเห็นคุณพ่อลงทุนในหุ้น ทั้งช่วงที่คุณพ่อขาดทุนและได้กำไรมาโดยตลอด จนกระทั่งหลังวิกฤตSubprimeไปไม่กี่ปีเริ่มได้ยินเสียงความเสียดายจากพ่อว่า“ถ้าซื้อหุ้นตัวนี้นะ พ่อจะสามารถทำกำไรได้ถึง 5 เท่า ในเวลาไม่กี่ปี”แปลกใจมากว่าทรัพย์สินอะไร ทำไมถึงมีความน่าสนใจขนาดนี้ 

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

     จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่โลกแห่งการลงทุน โดยเริ่มมาออมเงินด้วยการลงทุนในหุ้น ตอนเข้าเรียนปี 1 ที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งตอนนั้นเริ่มจากลงทุนในหุ้นที่ตนเองเคยรู้จัก จนเมื่อขึ้นปีที่ 3 จึงเริ่มกระจายการลงทุนผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมประมาณ 50% โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้นต่างประเทศ หุ้นกู้ ทอง อสังหาฯ เป็นต้น

     เนื่องจากง่ายต่อการซื้อขายและบริหาร อีกช่องทางหนึ่งคือการลงทุนในหุ้นไทยด้วยตนเองประมาณ 40%จุดประสงค์หลักก็เพื่อหาผลตอบแทนให้มากที่สุดภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พยายามยึดหลักValue Investingในการลงทุน และที่เหลือเป็นเงินฉุกเฉิน กระทั่งการออมเงินไว้ในพอร์ตลงทุนทำให้ตนมีเงินเก็บสะสมในบัญชีถึง 6 หลัก จึงทำให้ตนสนใจศึกษาเรื่องเทคนิคการลงทุนมากขึ้น

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

     โดยสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดในเรื่องการลงทุน คงหนีไม่พ้นนิสัยการหมั่นหาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะทำให้รู้ว่าโลกกำลังดำเนินไปในทิศทางใด และพยายามตีสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นราคาหุ้นที่ควรจะเปลี่ยนให้ได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็ได้ความรู้มาจากการเรียนในรั้วเหลือง-แดง ในหลักสูตรIBMPของคณะบัญชีฯ เช่น วิชาInternational FinanceและวิชาFinancial Policy and Strategyที่ช่วยให้สามารถประเมินแนวโน้มและวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทได้ 

  นอกจากนี้ น้องนัน ยังแนะนำ 5 เทคนิคการลงทุนในหุ้นฉบับง่ายๆ มาฝากนักลงทุนเจนZอีกด้วย

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

        1.ทำความเข้าใจ กำไร ขาดทุน ของบริษัทก่อน (Income Statement)เพื่อให้นักลงทุนสามารถมองเห็นแนวโน้มของผลกำไรบริษัท โดยมองย้อนไปในอดีต 3 ปีเป็นอย่างต่ำ จึงจะสามารถคัดเลือกบริษัทที่เข้าข่ายการลงทุนได้ในเบื้องต้น อีกทั้งถ้าบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น-ลดลง ในปีถัดไป ผู้ลงทุนก็สามารถรับรู้ได้ว่า เพิ่มเพราะรายได้เพิ่ม หรือลดรายจ่าย(สามารถแบ่งย่อยรายจ่ายได้อีก)ผู้ลงทุนก็สามารถรู้กลยุทธ์คร่าวๆ ของบริษัทที่สนใจได้ ข้อนี้เป็นข้อที่ทุกคนที่คิดจะลงทุนในหุ้น สมควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ยาก

       2.ดูงบดุลและงบกระแสเงินสดเป็น (Balance Sheet & Cash FlowStatement)งบดุลจะทำให้นักลงทุนได้ทราบถึง ฐานะทางการเงินของบริษัท ณ จุดเวลาหนึ่ง เช่น มีเงินสด สินค้าคงเหลือ หนี้สั้น-ยาว กำไรสะสม เท่าไหร่ เราสามารถมองเห็นและพอเดาออกได้ไม่ยากมากนัก ส่วนงบกระแสเงินสด ดูการไหลของเงินสดในบริษัท สามารถตอบคำถามได้ว่า ขายของแล้วได้เงินสดไหม ไม่ใช่มีแต่เงินเชื่ออย่างเดียว เป็นต้น

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

      3.ตีมูลค่าหุ้นในบริษัทให้เป็น (Stock Valuation) ขั้นตอนนี้มีหลายวิธีมาก แต่ละวิธีก็ดีคนละแบบ กล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่อเรามองแนวโน้มกำไรได้แล้วจากขั้นตอนที่ผ่านมา เราก็พอจะรู้ว่ากำไรในอนาคตน่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ก็สามารถเทียบหาราคาหุ้นที่ควรจะเป็นได้ผ่านRelative Methodโดยใช้อัตราส่วนต่างๆมาจับ เช่นPE Ratio, PB Ratioเป็นต้น เช่นรู้PEเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และกำไรปีหน้า เราก็สามารถหาราคาที่ควรจะเป็นได้คร่าวๆ ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว

      4.รู้จักบริหารจัดการเงินทุน (Money Management)  โดยจะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ ไม่เพลินเสียเงินจนเจ็บหนัก ซึ่งการบริหารจัดการเงินทุนในแต่ละครั้ง จะต้องกำหนดจุดเสี่ยงขาดทุนที่รับได้ เพื่อป้องกันการเสียเงินแบบเทหน้าตักจนหมดตัว ยกตัวอย่าง นักลงทุนกำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 20%ด้วยเงินลงทุน 1 แสนบาท

      ดังนั้นตัวเลขขาดทุนที่รับได้อยู่ที่ 2 หมื่นบาท ประเด็นอยู่ที่ว่า ถ้าตังค์หาย 2 หมื่น โอเคไหม เมื่อเทียบกับโอกาสการลงทุนที่ตนจะได้ อาจจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ด้วยว่าถือยาวหรือสั้นและอีกหลายเรื่อง เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งไม่มีกฎตายตัว แต่ต้องมีอยู่ในใจก่อนการตัดสินใจทุกครั้ง

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

    5. มีนิสัยนักลงทุน (Investor Behavior)  สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการเป็นนักลงทุนที่ดี จะต้องติดตามข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะข่าวสารที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นประจำเช่น การขึ้นลงดอกเบี้ยนโยบายของชาติมหาอำนาจ การเลือกตั้ง การออกจากสหภาพยุโรป สงคราม เป็นต้น ปัจจัยต่างๆเหล่านี้มีผลต่อตลาดการเงินเป็นอย่างมาก และหุ้นก็เป็นหนึ่งในนั้น ยกตัวอย่าง ถ้าเกิดสงครามขึ้น ทอง น้ำมัน ค่าเงินเยน สวิสฟรัง น่าจะดี ส่วนหุ้นทั่วโลก อนุพันธ์ที่อ้างอิงดัชนีหุ้นเช่นETFก็น่าจะไม่ดีเป็นต้น การฝึกคิดเชื่อมโยงเรื่องพวกนี้บ่อยๆ ผมคิดว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดี

มีเงินไม่ต้องขอพ่อแม่?

      "สิ่งเหล่านี้คงพอสะท้อนให้เราได้เห็นว่า หนทางแห่งความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันใด แต่ได้มาจากความตั้งใจและใช้เวลากับมันมากๆ จึงไม่แปลกเลยที่ความเพียรพยายาม และอุตสาหะดังกล่าว จะทำให้น้องนัน ไปคว้าแชมป์ จาก เวทีการประกวดYoung Financial Star(YFS) ประเทศไทย ในปี 2016 มาได้ โดยรางวัลครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นก้าวแรกของเขาเท่านั้น เพราะน้องนันตั้งเป้าที่จะเดินหน้าสู่เส้นทางอาชีพสายการเงินการลงทุน และแม้ว่าหลายคนอาจจะเจ็บหนักจากการลงทุนในหุ้น แต่เคล็ดลับสำคัญสำหรับหนุ่มไฟแรงคนนี้มีอยู่ว่า“อะไรที่ทำเงินนั้นยากหมดแต่ไม่ยากเกินความพยายาม”น้องนัน กล่าวทิ้งท้าย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ