Lifestyle

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เด็กสาวใช้ร่างกายฟกช้ำเจ็บปวดแลกกับเงินไปส่งตัวเองและน้องได้มีโอกาสเรียนหนังสือแม้ว่าจะเหนื่อยท้อก็ต้องทนชกมาแล้ว11ครั้งชนะ 8ครั้งแพ้3จากค่าตัว 450จนได้1พันบาท

     ดาวสยาม ราชประชา 15 ยิมคือชื่อชกมวยของ เชียดโจ้ว แซ่ฟุ้ง หรือ น้ำอ้อย อายุ17ปี  ปัจจุบัน น้ำอ้อย เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปี6แผนกภาษาต่างประเทศ ศิลป์ ภาษาจีน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์15(เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท)อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

       “น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

     “หนูภูมิใจในตัวเองที่หาเงินส่งตัวเองเรียนได้ ส่งน้องเรียนได้ พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบาก ไม่เคยน้อยใจที่ไม่เกิดมาเหมือนคนอื่น” น้ำอ้อย กล่าว

       น้ำอ้อยใช้ชีวิตในวัยเยาว์ที่ หมู่บ้านห้วยกว๊าน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ และพี่น้อง 11 คน น้ำอ้อยเป็นคนที่ 10 บ้านที่มีไม้ไผ่คอยบังแดด ลม ฝน แต่ปกคลุมไปด้วยไออุ่นแห่งความรัก

      แม้ว่าตอนนี้พี่ๆต่างแยกย้ายออกไปมีครอบครัวและทำงานนอกบ้าน แต่พ่อกับแม่ก็ยังต้องคอยเลี้ยงดูพี่ชายที่พิการตั้งแต่กำเนิด เธอจึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

       ในตอนอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 น้ำอ้อยเรียนโรงเรียนบ้านห้วยกว๊าน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อยู่ภายในหมู่บ้านไม่ไกลจากบ้านมากนัก เงินที่ได้ไปโรงเรียนขึ้นอยู่กับรายได้ของพ่อแม่ บางวันได้ 2-3 บาท มากสุด 5-10 บาท นั้นไม่ใช่ปัญหาเรื่องใหญ่  

       เพราะที่โรงเรียนมีอาหารกลางวันให้รับประทานฟรี และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนวิชาศิลปะ วาดรูป ระบายสี ถึงไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่ทำงานส่งครูไม่เคยขาด จนกระทั่งจบการศึกษา

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

      ด้วยใจรักในการเรียน พ่อแม่และพี่สาวได้ช่วยส่งเสริมให้ได้เรียนโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15(เวียงเก่าแสนภูวิทยา) ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 20 กิโลเมตร

      ในตอนเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เกือบจะไม่ได้เรียนเพราะด้วยฐานะทางบ้าน แต่ยังไม่สิ้นความหวังเมื่อพ่อแม่ขายข้าวโพดได้ แม้จะไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่สามารถจ่ายค่าเรียนครั้งแรกและซื้อชุดนักเรียนให้ได้ใส่ และเช่าห้องให้ได้อยู่กับเพื่อน 5 คน โดยแชร์ค่าห้องคนละ 500 บาท

       ด้วยความดีใจ น้ำอ้อย ตั้งใจว่า จะไม่ปล่อยให้โอกาสที่ได้เรียนนั้นสูญเปล่า จนกระทั่งเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องสู้เพราะพี่สาวต่างมีครอบครัว ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น ในช่วงปิดภาคเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงตัดสินใจออกมาหางานทำที่เดียวกับพี่สาว ทำงานในร้านอาหารทั้งช่วยเสิร์ฟ ทำกับข้าว และอื่นๆ รายได้วันละ 150 บาท

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

     แต่เป็นงานกลางคืนพี่สาวเห็นว่าไม่เหมาะ จึงลาออกทั้งที่ทำได้เพียง 2 อาทิตย์ จึงตัดสินใจมาสมัครงานที่สวนน้ำเป็นงานพาร์ทไทม์ เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน ทำให้มีเงินเก็บประมาณ 3,000 กว่าบาท จึงตัดสินใจกลับมาเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีกครั้ง

     โชคชะตามักสอนให้สู้เสมอ พอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ย้ายออกจากหอพักกับเพื่อน น้องชายคนเล็ก อุโจ้ว แซ่ฟุ้ง หรืออาตี๋ ก็เลื่อนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทำให้รายจ่ายเพิ่มมากขึ้น 

      การเป็นนักมวยประจำโรงเรียน จึงเป็นหาทางออกที่ทั้งเธอและน้องจะได้เรียน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจใช้ร่างกายเพื่อหาเงินส่งทั้งตนเองและน้องเรียน แม้นั้นจะต้องแลกมากับรอยช้ำ เขียว ความเจ็บปวด ที่เด็กสาวบางคนยังไม่สามารถทนรับได้

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

       น้ำอ้อยต้องมาซ้อมทุกวันตั้งแต่ 16.30-19.30 น. ทุกวัน เป็นเวลากว่า 3 เดือน ครูที่ฝึกซ้อมน้ำอ้อยเห็นแวว จึงได้ขึ้นชกเวทีแรกด้วยชื่อ ดาวสยาม ราชประชา 15 ยิม โดยค่าตัวครั้งแรก 450 บาท

         จากนั้นค่าตัวในการขึ้นชกก็เพิ่มขึ้น เป็น 500 บาท และปัจจุบัน 1,000 กว่าบาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะได้เงินพิเศษจากผู้ที่เห็นความสามารถ ซึ่งรายได้ในแต่ละเดือนก็ขึ้นอยู่ว่าในเดือนนั้นจะได้ขึ้นชกกี่ครั้ง ซึ่งชกชนะทั้งหมด 8 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง จากการขึ้นชก 11 ครั้ง

      ปัจจุบันน้ำอ้อย ย้ายมาอยู่กับพี่สาว เฉ็งโจ้ว แซ่ฟุ้ง และอาตี๋ ซึ่งค่าเช่าห้องเดือนละ 2,000 บาท น้ำอ้อยจะช่วยออกเดือนละ 1,100 บาท รวมค่าน้ำค่าไฟ และดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของอาตี๋ ในบางครั้งในวันที่ไม่มีเงินทำได้เพียงบอกน้องชายว่า “ต้องใช้เงินประหยัดหน่อยนะ เพราะพี่ไม่ค่อยมีเงิน” จนทำให้บางครั้งท้อและเหนื่อย แต่กลับกันทำให้คิดอีกทางหนึ่งว่า หากเธอหยุดตอนนี้ก็จะไม่มีเงินเรียน เพราะพ่อกับแม่ก็ไม่สามารถช่วยได้ด้วยฐานะที่ยากจน

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

          ในตอนนี้น้ำอ้อยหวังเพียงส่งตนเองให้เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และมีเงินส่งอาตี๋เรียนต่อ เพราะอาชีพนักมวยอาชีพ ไม่ใช่อาชีพสบาย แต่เมื่อเลือกเดินทางสายนี้ ก็ต้องอดทน และคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ในความฝันที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้ไหม

      น้ำอ้อย มีความหวังว่าอยากจะได้รถจักรยานยนต์ เพื่อมาใช้เป็นพาหนะในการไปโรงเรียนและไปซ้อมมวย เพราะระยะทางจากที่พักกับโรงเรียนห่างกัน 1 กิโลเมตร และรถที่ใช้มีเพียงรถของพี่สาวซึ่งก็ต้องใช้ขับไปทำงาน ทำให้บางวันน้ำอ้อยและอาตี๋จะต้องเดินเท้าไปโรงเรียน

“น้ำอ้อย”สุดยอดนักมวยหญิง

       “ใครที่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ หนูขอให้เขาตั้งใจเรียน เพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาส” น้ำอ้อยทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ