โดยการเป็นเจ้าภาพเคมีโอลิมปิ กของไทยในปีนี้มีสถาบันส่งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิ ชาการและพัฒนามาตรฐานวิ ทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) สมาคมเคมีแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้จัดการแข่งขัน
ล่าสุดคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรม Science Cafe : The 49th International Chemistry Olympiad in Thailand; Chemistry talk series ตอน “Back to the IChO” ขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและประชาสั มพันธ์การจัดงานเคมีโอลิมปิกครั้ งที่ 49 นี้
ดร.นภดล ไชยคำ อาจารย์พิเศษโครงการบัณฑิตศึ กษานิติวิทยาศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ผ่านประสบการณ์ด้ านการช่วยงานเคมีโอลิมปิก ในฐานะของวิทยากรในค่าย และอาจารย์ผู้ควบคุมทีมในระดั บนานาชาติ กล่าวว่า การแข่งขันเคมีโอลิมปิกได้เริ่ มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2512
ประเทศไทยได้ส่งเยาวชนไทยไปร่ วมแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่ างประเทศเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 ซึ่งเป็นการแข่งขันเคมีโอลิมปิก ครั้งที่ 22 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ผลการแข่งขันปรากฏว่า ผู้แทนเยาวชนไทยได้รับรางวั ลเหรียญทองแดง 1เหรียญ จากนางสาววรรณวิมล ศิริวัฒน์เวชกุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาโท ด้านวิศวกรรมเคมี จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์ เนีย (Cal Tech) ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จาก ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สคูล ประเทศสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นเคมีโอลิมปิกเหรี ยญแรกของไทย
ดร.นภดล ไชยคำ
หลังจากนั้นผลการแข่งขันของวิ ชาเคมีแสดงถึ งความสามารถของเยาวชนไทยที่พั ฒนาขึ้นเป็นลำดับในการแข่งขั นครั้งที่ 46 ณ ประเทศเวียดนามนั้น ผู้ แทนประเทศไทยสามารถทำผลงานอยู่ ในอันดับที่ 8 จากผู้เข้าร่วมแข่งขัน 75 ประเทศ โดยได้รับรางวัล 1 เหรียญทอง และ 3 เหรียญเงิน โดยผลงานที่ดีที่สุ ดของประเทศไทย คือ พ.ศ. 2553 แข่งขันที่ญี่ปุ่น ได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน นับสถิติเป็นอันดับที่ 2จากประเทศผู้เข้าร่วมทั้งหมด 68 ประเทศ โดยปีนั้นนางสาวพิณนรี เตี่ยมังกรพันธุ์ ยังได้รับรางวัลผู้ ทำคะแนนสอบภาคทฤษฎีได้เต็ม
“การจัดส่งคณะผู้ แทนประเทศไทยไปแข่งขันเคมีโอลิ มปิก ประกอบด้วยคณะอาจารย์หัวหน้าทีม รองหัวหน้าทีม ผู้สังเกตการณ์ และผู้จัดการทีม คณะนักเรียนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าเรี ยนในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อเดินทางไปถึงก็จะมี การแยกที่พักและแยกกิจกรรมระหว่ างอาจารย์กับนักเรียน โดยคณะอาจารย์จะเข้าร่วมประชุ มเกี่ยวกับข้อสอบ แปลข้อสอบ ตรวจข้อสอบ และประชุมตัดสินผลคะแนน ต่อรองคะแนนกับคณะกรรมการ ส่วนกิจกรรมหลักของคณะนักเรี ยนจะสอบทฤษฎี ปฏิบัติ และทัศนศึกษา เป็นต้น”
ดร. ต่อศักดิ์ ล้วนไพศาลนนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อดีตผู้แทนประเทศไทยจากโรงเรี ยนเตรียมอุดมศึกษา เจ้าของเหรียญเงินเคมีโอลิมปิก เมื่อปี พ.ศ. 2542 ครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจั ดแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่ างประเทศ เป็นครั้งแรก ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีประเทศเข้าร่วมแข่งขันทั้ งหมด 51 ประเทศ
ดร. ต่อศักดิ์ ล้วนไพศาลนนท์
ภายหลังจากจบศึกษาต่อด้านเคมี ในระดับปริญญาเอก "ดร.ต่อศักดิ์" ได้กลับประเทศไทยมาทำงานที่ มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการชักชวนจาก ดร. เอกสิทธิ์ สมสุข อดีตผู้แทนประเทศไทยเคมีโอลิมปิ ก รุ่นแรก เข้าร่วมเป็นอาจารย์ผู้ควบคุมที ม ซึ่งได้เรียนรู้งาน และล่าสุดรับหน้าที่เป็นอาจารย์ หัวหน้าทีมนำคณะนักเรียนไปแข่ งขันที่ต่างประเทศ โดยประเทศที่ทำผลงานโดดเด่ นมาตลอด ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ไต้หวัน ซึ่งรักษาระดับผลคะแนนไว้ดี มากอย่างสม่ำเสมอ
“การที่รัฐบาลได้สนับสนุนนักเรี ยนไทยด้านโอลิมปิกวิชาการนั้น ผมมองว่าผู้ได้รับประโยชน์นั้ นอยู่ในวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงเยาวชนที่มี ศักยภาพสูงจำนวนน้อยนิดเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว นักเรียนที่ได้รับประโยชน์ สามารถแสดงได้ในรูปแบบของปิรามิ ดหัวตั้ง เริ่มจากฐานปิรามิด ซึ่งเป็นนักเรียนทั่วไปที่มี ใจรักทางวิทยาศาสตร์ สามารถมีช่องทางพัฒนาตัวเอง เพราะกระบวนการเตรียมตัวสอบแข่ งขันเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิ ชาการทำให้ได้มาซึ่งความรู้ ความใจในเนื้อหาวิชาการ รวมทั้งได้กระบวนการคิดวิ เคราะห์ หรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ต่ าง ๆ
ถัดขึ้นไป ก็เป็นนักเรียนที่สอบผ่านเข้ าโครงการ ฯ ได้ร่วมเข้าค่ายโอลิมปิก ทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้วิ ทยาศาสตร์ อย่างลึกซึ้งมากกว่าปกติ ได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่มี ความรู้ความสามารถ เกิดเจตคติหรือแรงจูงใจมากขึ้ นทางวิทยาศาสตร์ ยิ่งตอนนี้มีศูนย์ สอวน. มีการจัดค่าย สอวน. กระจายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาค ก็ยิ่งกระจายโอกาสในการเรียนรู้ ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น และสุดท้าย ก็คือ ผู้แทนประเทศไทย ที่ได้มีประสบการณ์ในการแข่งขั นเวทีนานาชาติ ได้สร้างเครือข่ายทางวิ ทยาศาสตร์กับประเทศอื่น และมีโอกาสศึกษาต่อยอดในระดับสู งขึ้น”
ความจริงแล้ว การแข่งขันเคมีโอลิมปิก ยังมีประโยชน์เกี่ยวข้องในด้ านอื่นๆ เช่น การวัดความสามารถในการจั ดการทางวิชาการ จากการที่เราได้เห็นว่าประเทศอื่ นมีการจัดการเรียนการสอนวิ ทยาศาสตร์แตกต่างกันไปอย่างไร ก็จะนำไปสู่การปรับปรุ งการสอนของตัวเอง ได้นำแนวคิดไปพัฒนาปรับปรุ งการศึกษาของชาติ เป็นต้น
นอกจากนั้น เคมีโอลิมปิก ยังได้สร้างคนที่มีความสามารถด้ านเคมีมากมาย ให้เป็นบุคลากรที่มาช่วยพั ฒนาประเทศ ผ่านการทำวิจัย หรือการปฏิบัติงานอาชีพต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ที่ ได้จากการไปแข่งขันเคมีโอลิมปิ กของอดีตผู้แทนประเทศไทย ได้มีส่วนในการนำไปพัฒนาชาติ ตามมุมมองของพวกเขา ตามบริบทของอาชีพต่าง ๆ ที่พวกเขาทำ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดก็ตาม