Lifestyle

เข้าใจใช้สิทธิ รักษาฉุกเฉินฟรี72ชั่วโมง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สพฉ.ได้จัดวางระบบการให้บริการประชาชน "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP)

      คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เรื่อง“หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต”เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560และให้สถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ พร้อมรับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหลัง 72 ชั่วโมง

     ขณะเดียวกันให้กองทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการสุขภาพ ดำเนินการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลแบบ Fee Schedule ตามหลักเกณฑ์แนบท้ายที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) กำหนด

เข้าใจใช้สิทธิ รักษาฉุกเฉินฟรี72ชั่วโมง

        ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องการดำเนินการตามนโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สำนักงานประกันสังคม(สปส.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สมาคมโรงพยาบาลเอกชน วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย

      สพฉ.ได้จัดวางระบบการให้บริการประชาชนตามนโยบาย UCEP โดยได้ทำการจัดตั้งศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ศคส.สพฉ.) หรือUCEP Coordination Center ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและโรงพยาบาลเอกชนในกรณีมีปัญหาในการคัดแยกอาการของผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งประชาชนและโรงพยาบาลสามารถโทรเข้ามาที่ศูนย์ ศคส.สพฉ. ได้ที่เบอร์ 02- 872- 1669 

      พร้อมจัดทำข้อมูลเผยแพร่ในชื่อชุด 9 ข้อควรรู้ก่อนใช้สิทธิ์ UCEP ให้ประชาชนไว้ใช้ศึกษาก่อนเพื่อทำความเข้าใจก่อนใช้สิทธิ UCEP แนวทางนี้กำหนดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ และลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทุกหน่วยงานได้เตรียมพร้อมในการดูแลประชาชน

เข้าใจใช้สิทธิ รักษาฉุกเฉินฟรี72ชั่วโมง

       อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนเอง จะต้องดูแลตนเองให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อการเจ็บหรือป่วย แต่หากเมื่อใดที่เจ็บหรือป่วยฉุกเฉินวิกฤตระบบพร้อมอย่างเต็มที่ในการดูแล หากประชาชนชนท่านใดเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือพบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 สพฉ.จะเข้าให้การช่วยเหลือเพื่อส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ได้รับการรักษาตามสิทธิUCEPอย่างทันท่วงที

       ทั้งนี้ประชาชนสามารถใช้บริการฟรีทุกรพ.รัฐ-เอกชนเมื่อเข้ารักษาป่วยฉุกเฉินวิกฤติแดงใน72ชั่วโมงแรก 2.บุคลากรทางการแพทย์จะเป็นคนประเมินว่าเข้าข่ายแดงหรือไม่ 3.สปสช. สปส. และกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้จ่ายเงินให้รพ.เอง 4.เมื่อพ้น72 ชั่วโมง หากแพทย์ให้ย้ายกลับรพ.ต้นสังกัด คนไข้ไม่ย้าย คนไข้ต้องจ่ายเงิน 5.เมื่อพ้น72 ชั่วโมง แต่ย้ายไปรพ.ตามสิทธิ์ไม่ได้เพราะแพทย์ไม่อนุญาตหรือรพ.ตามสิทธิ์ไม่มีเตียงรองรับ คนไข้ไม่ต้องจ่ายเงิน

    ทั้งนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)มีหน้าที่ ดูแลผู้มีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 48 ล้านคน สปสช.ทำหน้าที่เป็นศูนย์ในการรวบรวมและจำแนกข้อมูลส่งให้แต่ละกองทุนทำหน้าที่ในการจ่ายค่ารักษา โดย รพ.รัฐและเอกชนที่รับการรักษาผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ตามนโยบายนี้ เมื่อรักษาผู้ป่วยสิทธิใด ก็จะส่งข้อมูลผู้ป่วยนั้นมาที่ สปสช.

       หลังจากนั้น สปสช.จะทำหน้าที่จำแนกว่าคนไข้คนนี้มีสิทธิอะไร ค่ารักษาเท่าไหร่ แล้วส่งเอกสารไปให้แต่ละกองทุนจ่ายเอง สปสช.ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเคลียริ่งเฮาส์เรื่องการจ่ายเงิน แต่ทำหน้าที่เป็นเคลียริ่งเฮาส์ด้านข้อมูล

เข้าใจใช้สิทธิ รักษาฉุกเฉินฟรี72ชั่วโมง

         ที่ผ่านมา สปสช.ได้มีการจัดเตรียมระบบร่วมกับ สพฉ.แล้ว โดยมีการเชื่อมข้อมูลผ่านโปรแกรม Pre Authorize ของ สพฉ.เข้าฐานข้อมูลของ สปสช.ผ่าน Web Service เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยบริการในการบันทึกข้อมูลบริการผู้ป่วยเพื่อเบิกจ่าย ซึ่งเป็นไปตามบัญชีรายการและอัตราค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินวิกฤตแนบท้าย ตามมติคณะกรรมการสถานพยาบาล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 จำนวน 2,975 รายการ

       ภายหลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทน 3 กองทุนสุขภาพ และผู้แทนโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยบริการ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังโรงพยาบาลนำร่อง 100 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมแล้วก่อนหน้านี้

       ขณะนี้ สปสช.ได้เปิดระบบโปรแกรมบันทึกข้อมูลเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เพื่อรับข้อมูลจากโปรแกรม Per Authorize จาก สพฉ.และการบันทึกข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีฉุกเฉินวิกฤตของทุกโรงพยาบาลแล้ว เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีผลบังคับใช้

     

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ