Lifestyle

ห่วงม.44 กันอุบัติเหตุสงกรานต์ไม่คลุม “มอเตอร์ไซค์”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม้มี ม.44 การตายจากท้องถนนไม่น่าจะลดลง ซึ่งปัจจุบันพบว่า คนเป็นล้านๆ คนยังคงทำผิดกฎจราจร

        นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 2 กล่าวในงานแถลงข่าว “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า สงกรานต์ปี 2560” ว่า อุบัติเหตุทางถนนส่งผลให้คนไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 รองจาก โรคมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด เฉลี่ยปีละประมาณ 20,000 กว่าคน

       แต่สิ่งที่น่าห่วงของอุบัติเหตุทางถนนคือ ผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น หัวหน้าครอบครัว ผู้ใช้แรงงาน จะเสียชีวิตโดยฉับพลัน ไม่มีโอกาสสั่งเสีย ส่งผลกระทบต่อภรรยา ลูกหลาน บุคคลในครอบครัว โดยประมาณการณ์ความสูญเสียทั้งปีจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งทำให้รายได้ของประเทศไทยไม่เพิ่มขึ้น 

     นอกจากนี้ จำนวนผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนนก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยมีประมาณครึ่งหนึ่งของผู้พิการทั่วประเทศ ซึ่งปัจจัยสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุมาจากการเมาสุรา อย่างช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 พบว่า เกิดอุบัติเหตุทางถนน 3,447 ครั้ง เสียชีวิต 442 ราย บาดเจ็บ 3,656 ราย สาเหตุอันดับหนึ่งมาจากการเมาสุราร้อยละ 34.09 รองลงมาคือขับรถเร็วเกินกำหนดร้อยละ 32.93

     อย่างไรก็ตาม การเจ็บตายจากอุบัติเหตุถือเป็นโรคที่ป้องกันได้ คือ อย่าขับรถเร็ว ขับต้องสวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย หากดื่มต้องไม่ขับ ซึ่งหากดำเนินการตามนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุมากถึง 70-80%

     นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันการบาดเจ็บ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ คสช.ออกมาตรา 44 ในการช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุ เช่น การบังคับเข็มขัดนิรภัยในผู้โดยสารตอนหลังในรถทุกประเภท ความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถตู้สาธารณะ มีมาตรการลงโทษหากไม่เสียค่าปรับเมื่อได้รับใบสั่ง เป็นต้น 

     อย่างไรก็ตาม หลังกฎหมายออกมาไม่ใช่ว่าอุบัติเหตุจะลดลง แต่อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องมีทั้งกำลังคน เครื่องมือ และสิ่งสนับสนุนอีกมากมาย ดังนั้น มองว่ากระบวนการบังคับใช้กฎหมายยังต้องใช้เวลา แต่ที่ห่วงคือ ม.44 ที่ออกมามีผลกับรถจักรยานยนต์ค่อนข้างน้อย

      ทั้งที่การเสียชีวิตกว่า 80% เกิดจากรถจักรยานยนต์ จึงคาดว่า แม้จะมี ม.44 ออกมา พฤติกรรมใช้รถใช้ถนนของประชาชนจะไม่ต่างจากเดิม การตายจากท้องถนนไม่น่าจะลดลง ซึ่งปัจจุบันพบว่า คนเป็นล้านๆ คนยังคงทำผิดกฎจราจร อย่างประเทศไทยมีรถจักรยานยนต์ประมาณ 20 ล้านคัน มีคนสวมหมวกกันน็อกไม่ถึง 50% คือประมาณ 10 ล้านคนไม่สวมหมวกกันน็อก

     พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า การลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนคือ การบังคับใช้กฎหมาย โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 จะมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 88,442 นาย ทำงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ระยะแรก ช่วงเตรียมความพร้อมก่อนสงกรานต์ วันที่ 27 มี.ค. - 10 เม.ย. จะบังคับใช้กฎหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงโอกาสที่จะถูกจับกุม

     ส่วนระยะที่สองคือช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยไม่เลือกปฏิบัติ คือ 1.ความผิดเกี่ยวกับการดื่ม และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะจะดูแลเป็นพิเศษ 3.ยึดใบขับขี่ หรือเก็บรักษารถชั่วคราว กรณีการแข่งรถ ดื่มแล้วขับทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

      4.ฟ้องเพิ่มโทษกับผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราที่กระทำผิดซ้ำ 5.ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายที่เกิดอุบัติเหตุ และ 6.สุ่มตรวจจุดเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ให้เล่นน้ำขณะรถเคลื่อนที่ ให้จอดรถเล่นน้ำ โดยจะเน้นหนักวันที่ 13-15 เม.ย. ซึ่งหวังว่าจะช่วยบรรเทาอุบัติเหตุที่จะเกิดบนท้องถนนได้ และจะเน้นในพื้นที่มากขึ้น เพราะส่วนใหญ่พบว่าอุบัติเหตุจะเกิดบนถนนสายรองมากกว่าสายหลัก

      นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เดิมทีช่วงสงกรานต์ก็มีวัฒนธรรมการดื่ม แต่เป็นการดื่มในบ้านกับญาติพี่น้อง ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากธุรกิจแอลกอฮอล์จัดทำโปรโมชันส่งเสริมให้คนหันมาดื่มมากขึ้น

      โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมาธุรกิจแอลกอฮอล์ไม่เคยหยุดจัดโปรโมชันเลย ที่น่าห่วงคือการจัดลานเบียร์และคอนเสิร์ต ซึ่งเป้าหมายหลักก็เป็นเยาวชน พอคอนเสิร์ตเลิกก็มีเยาวชนที่ขับมอเตอร์ไซค์ออกสู่ท้องถนนขณะเมากว่า 5,000-10,000 คน อุบัติเหตุก็เกิดมากขึ้น

       จึงอยากขอร้องธุรกิจเอกชนช่วยแสดงความรับผิดชอบ สงกรานต์จะจัดให้มีดนตรี หรือปาร์ตี้โฟม ให้คนมีความสุขก็สามารถทำได้ ขอเพียงอย่ามีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย เพราะที่ผ่านมาอย่างถนนตระกูลข้าว 50 แห่ง และอีก 101 พื้นที่ ก็สามารถจัดสงกรานต์ได้โดยไม่มีแอลกอฮอล์

      ซึ่งการหยุดขายช่วง 7 วัน หรือหยุดจัดโปรโมชันก็เชื่อว่าไม่กระทบ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ขายดีอยู่แล้ว ทั้งนี้ จากการสำรวจความเห็นประชาชน เจ้าภาพผู้จัดงานจาก 10 พื้นที่ทั่วประเทศ พบว่า ร้อยละ 87.7 เห็นด้วยกับการจัดโซนนิงเล่นน้ำปลอดเหล้าปลอดภัย และร้อยละ 91.6 เห็นด้วยว่าจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ