ใช้ ม.44 เพื่อยุติโกลาหลตั้งอธิการบดี

        มติที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะมีการใช้อำนาจหัวหน้า คสช.มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ในส่วนที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการศึกษา โดยปลดล็อกเปิดโอกาสให้คนไม่เป็นข้าราชการสามารถเป็นอธิการบดีได้นั้น 
         นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่ได้เป็นผู้เสนอ แต่ คสช.เห็นปัญหาว่าการบริหารงานในสถาบันอุดมศึกษา ที่ผ่านมาก็มีการฟ้องร้องกันเรื่องการสรรหาอธิการบดี เมื่อเข้าสู่การพิจารณาและตัดสินของศาล ก็จะพิจารณาเป็นรายกรณี ไม่ใช่ จะใช้ได้กับทุกมหาวิทยาลัย ขณะที่เวลานี้หลายมหาวิทยาลัยอยู่กำลังสรรหาอธิการบดี บางแห่งเริ่มเตรียมการสรรหา ขณะที่บางมหาวิทยาลัยสรรหาเสร็จเรียบร้อย แต่มีการร้องเรียนฟ้องร้องต่อศาล เมื่อเกิดกรณีแบบนี้ ศธ.จะนำรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งก็มีผลให้การบริหารงานของมหาวิทยาลัยก็ต้องหยุดชะงักไป     
        อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยก็มีกฎหมายและข้อกำหนดเป็นของตนเอง ดังนั้น คำสั่งม.44 ที่จะออกมาก็เพื่อให้การบริหารงานของมหาวิทยาลัยสามารถเดินต่อไปได้ไม่หยุดชะงัก และไม่ได้ระบุถึงอายุด้วยว่าห้ามหรือไม่ห้ามผู้เกษียณอายุราชการ 
          “ผมได้หารือเรื่องดังกล่าวดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เข้าใจปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และขอยืนยันว่าคำสั่ง คสช.ที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการศึกษานี้ทำเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล และไม่ต้องมาร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ได้รับการสรรหากันอีกในภายหลัง”

        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสถาบันอุดมศึกษาที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรรหาอธิการบดี หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) พระนคร  ซึ่ง รศ.ดร.พงศ์ หรดาล อดีตอธิการบดีหมดวาระ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมหาวิทยาลัยที่ไม่มีอธิการบดีตัวจริง  เนื่องจากมีคณะกรรมการควบคุมเข้าไปกำกับการบริหารงานตามคำสั่ง ม.44 เช่น มรภ.ชัยภูมิ มรภ.สุรินทร์