Lifestyle

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ก.ค.ศ.ปรับเกณฑ์สอบครูผู้ช่วย ให้ 36 สาขาผู้สมัครต้องมีใบวิชาชีพครูหรือจบ5ปีส่วนอีก 25ไม่ต้องมีสมัครสอบได้โดย17 สาขายังไม่มีผู้เรียนจบและอีก8สาขาขาดแคลนเรื้อรัง

    ในที่สุุด"นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์" รมว.ศึกษาธิการ ก็ยอมถอยให้ คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)ปรับปรุงแนวปฏิบัติในการรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปี 2560 ใหม่

        กำหนดให้ 36 สาขาวิชาผู้สมัครต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือ ผ่านหลักสูตรครู 5 ปี ส่วนอีก 25 สาขา ในจำนวนนี้มี 17 สาขาที่ยังไม่มีผู้สำเร็จการศึกษาและอีก 8 สาขาที่ขาดแคลนเรื้อรัง จะเปิดให้ทั้งผู้ที่มีใบอนุญาตฯและไม่มีใบอนุญาตฯสมัครสอบแข่งขันได้ ซึ่งมีอัตราบรรจุได้ 6,381 อัตรา ใน 64 จังหวัดและสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) สร้างความชัดเจนให้กับสังคมได้ในระดับหนึ่ง

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

     “รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ”  ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.) และคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)  กล่าวว่า การสอบครั้งนี้จะมีการขึ้นบัญชีแค่ 1 ปี ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมาวิเคราะห์กันว่า เมื่อมีการเปิดให้ผู้ที่จบปริญญาตรีมาสอบเป็นครูในบางสาขาวิชาแล้ว จะมีจำนวนผู้ที่ไม่จบครูมาสมัครสอบครูมากน้อยแค่ไหน และสอบกันได้มากน้อยเพียงใด

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

  รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ

   แต่ถ้ามีคนมาสมัครน้อยมาก อาจจะมีผลที่ทำให้เราต้องกลับมาคิดทบทวนเรื่องมาตรฐาน คุณภาพชีวิต ของวิชาชีพครูว่ายังไม่จูงใจจริง ซึ่งก็จะนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาการออกข้อสอบ ซึ่งเป็นการดีและได้พิสูจน์ตัวเองด้วยว่ามีความรู้ ความสามารถ สู้เขาได้หรือไม่ซึ่งจะเป็นการประเมินคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ด้วย

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

      "ส.ค.ศ.ท.จะขอเข้าพบ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อคุยกันใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.จะดำเนินการตามมติก.ค.ศ.ไม่มีการแตะวิชาชีพครูอีกแล้ว ไม่ใช่ให้ใครก็ได้เข้ามาสอบเป็นครู ทำอะไรต้องระมัดระวัง และ2.ส.ค.ศ.ท.จะมีการประเมินเป็นรายสถาบันว่าเราจะต้องพัฒนาตนเองให้สู่มาตรฐานวิชาชีพไม่ให้ใครมาว่าคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ได้ ถ้าทำได้ไม่ดีก็ไม่ต้องมาผลิตครู " 

     ขณะที่ สสวท.หนุนผู้ไม่มีตั๋วครูสอบครูผู้ช่วย โดย ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่าเห็นด้วยที่เปิดโอกาสให้ผู้จบจากสาขาวิชาชีพอื่น มาสอบบรรจุครูผู้ช่วย

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

     ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร

      เนื่องจากขณะนี้ต้องยอมรับว่ากำลังขาดแคลนครูในบางสาขาวิชาจริง เช่น ครูทางด้านฟิสิกส์ เคมี เป็นวิชาหลักที่ต้องขับเคลื่อนพัฒนาประเทศเป็น 4.0 และผลประเมินทั้งระดับชาติ นานาชาติ และการวิจัยนานาชาติ ก็สะท้อนให้เห็นว่าการใช้ครูไม่ตรงวุฒิส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กมีศักยภาพที่ต่ำ และไม่ชอบเรียนวิชานั้น ซึ่งหลายๆ โรงเรียนของไทย มีการใช้ครูพละไปสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เนื่องจากขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์ ดังนั้น วิธีการแก้ดังกล่าว ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วน แต่ก็สามารถช่วยขจัดปัญหาที่เรื้อรังได้

       “การให้ผู้จบสาขาวิชาอื่นมาสอบบรรจุครู ควรดำเนินการระยะสั้น ซึ่งการให้ผู้จบวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือเทคโนโลยี มาสอนนั้น พวกเขามีองค์ความรู้ในสาขาวิชานั้นดีแต่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีระบบการพัฒนาวิชาชีพครูเพื่อให้ครูเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐาน และหากไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็ไม่ควรบรรจุเป็นข้าราชการครู”ดร.พรพรรณ กล่าว

     อย่างไรก็ตาม แนวปฏิบัติใหม่ที่ก.ค.ศ.เปิดให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือ “ผู้ไม่มีตั๋วครู” มาสมัคร 25 สาขา แม้ว่า ในจำนวนนี้ 17 สาขาวิชายังไม่มีผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์หลักสูตร 5 ปีเลย และอีก 8 สาขาวิชาเป็นกลุ่มสาขาที่ขาดแคลนเรื้อรัง ใช่ว่าจะเป็นทางออกที่ลงตัว

       เมื่อ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันผ่าน“นลิน สิงหพุทธางกูร” ว่าการเอาผู้จบการศึกษาสาขาวิชาอื่นที่ไม่ใช่ครู มาทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนทันทีโดยไม่ได้ผ่านการบ่มเพาะจิตวิญญาณครู ถือเป็นเรื่องที่ผิดหลักการ ตรงที่คนที่เรียนวิชาชีพอื่น เช่น เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักภาษาศาสตร์ ไม่ได้ถูกสร้างให้มีจิตวิญญาณเป็นครูตั้งแต่แรก

       แต่คนที่เลือกวิชาชีพครู ได้ตัดสินใจมาก่อนแล้วตั้งแต่เลือกเรียนสาขาวิชานี้ มีความรักเด็ก และต้องการสอนหนังสือ ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับเด็กอีก 30-40 ชีวิต แล้ววันหนึ่งบอกว่าเอาใครก็ได้มาเป็นครู นี่คือผิดหลักการ  

       อย่างไรก็ตามศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ บอกว่าไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจคนที่ไม่ได้จบครู แต่หากต้องการสอนเด็ก ก็ต้องเรียนเพิ่ม ต้องมาอบรม มาศึกษาเพิ่มเติม ทั้งวิธีการสอน จิตวิทยา การวัดและประเมินผล การผลิตสื่อ การเขียนแผนการสอน ใน 1 ปีต้องรู้คุณธรรมจริยธรรมครู ให้รู้จักเด็ก รู้จักวิธีการสอน แล้วค่อยมาสอบแข่งขัน นี่คือการแก้ปัญหา มีใบประกอบวิชาชีพ ต้องเรียนรู้หลักสูตรแปลงเป็นการสอน

ถอยเจอกันครึ่งทางจบ-ไม่จบสอบครูช่วย

     ศ.ดร.สมพงษ์

      เขาตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ตัวเลขอีก 10 ปีจะขาดแคลนครูประมาณ 270,000 คน แต่ละปีจะมีครูเกษียณเกือบ 18,000 คนไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับข้อมูลของสภาคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ซึ่งควรจะร่วมกันวางแผน แบ่งงานกันทำ ตอบโจทย์ แล้วทยอยส่งครูเข้าไป ก็จะได้คนที่เก่งวิชาการ เก่งการสอน ถ้าเอาชุดข้อมูลทั้งสองมาคุยกันน่าจะเป็นแผนที่ดี จะได้ครูระบบปิดตามจำนวนความต้องการของประเทศ แล้วค่อยๆ ทยอยส่งครูเข้าระบบ 10 ปีการปฏิรูปจะดีขึ้น

     “ถ้าบอกว่าวิชาชีพครูจะเอาใครก็ได้มาเป็นครู แล้วอย่างนั้นก็ไม่ต้องมีกระทรวงศึกษาธิการสิ มีแค่กระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีพอใช่ไหม นี่พูดจริงๆ นะ แล้วที่บอกว่าระบบการศึกษา 5 ปีไม่ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ถามกลับว่ากระทรวงศึกษาฯที่ผ่านมาคุณตอบนโยบายอะไรของประเทศได้บ้าง ตอบนโยบายสำคัญอะไรได้บ้าง คุณควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่ามันถึงเวลาที่จะต้องผ่าตัด ปฏิรูปทั้งระบบ เพราะองค์รวมการศึกษาประเทศไทยวิกฤตหนักที่สุด แล้วคุณยังจะมาทำลายความเชื่อมั่นของวิชาชีพครู ผมว่าคุณต้องพิจารณาตัวเองอย่างหนักแล้ว”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ