เลี้ยงลูกยุคดิจิตอลใครว่าง่าย

       ปี2559ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ช่วงเปิดเทอมใหญ่ ผู้ปกครองทั่วประเทศ จะมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับนักเรียน ระดับก่อนอุดมศึกษาโดยรวม60,900ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเทอมโรงเรียนเอกชน40,600ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเทอม16,700ล้านบาท ค่าเรียนกวดวิชา2,800ล้านบาท และค่าเรียนเสริมทักษะอื่นๆ800ล้านบาท  : ติดตามรายละเอียดได้กับ ชุลีพร อร่ามเนตร 

        ทุกครั้งที่มีการสำรวจ สอบถามถึงการ “เลี้ยงลูก” ในยุคปัจจุบัน หลายคนมักจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แถมเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของลูกสูงลิบ จะให้เรียนเฉพาะในห้องเรียน โรงเรียนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มเติม ทักษะเสริมต่างๆ มากมาย ให้ลูกมีความพร้อมมากที่สุดเท่าที่พ่อแม่จะมีเงินอุดหนุน ยิ่ง“ครอบครัวชนชั้นกลาง งานก็ต้องทำ หนี้ก็ต้องผ่อน ลูกก็ต้องเลี้ยง” การเลี้ยงลูกคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย

        ด้วยค่านิยมเมืองไทย มีการแข่งขันสูง มีการยกย่อง อวยคนเก่ง ส่งผลให้ครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเลี้ยงลูกตนเองให้มีความเก่งทุกด้าน การลงทุนเลี้ยงเด็ก 1 คน จึงไม่ใช่เพียงมอบความรัก ความอบอุ่น มีเวลาแก่ลูกเท่านั้น แต่ต้องพยายามสรรหา ติดอาวุธทางปัญญา ทักษะด้านต่างๆ ให้ลูกเติบโตก้าวสู่ชีวิตที่ดี  มีสถานะทางสังคม

        ตุ้ม-กรุณา ปีติวิวัฒน์  แม่ลูกสอง กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ต้องทำงานหนักและต้องแบ่งเวลามาดูแลลูก ยิ่งกำลังจะเรียนต่ออุดมศึกษา ยิ่งต้องให้เวลา ต้องเรียนกวดวิชา ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หาเทคนิค ฝึกทำโจทย์ต่างๆ ที่ในห้องเรียนไม่มีสอนเป็นการทบทวนบทเรียน

       “ครอบครัวเรา แม่เป็นแม่บ้านคอยดูแล รับส่งลูก พ่อต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะค่าเลี้ยงดูลูสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเลี้ยงดู ค่าเรียนปกติ ค่าบำรุงการศึกษา ค่ากิจกรรม เรียนเสริมทักษะ ดนตรี ศิลปะ ค่ากวดวิชาอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ที่ต้องคอยเสริม เตรียมความพร้อม ทักษะในการแข่งขัน ต่อสู้ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ มีศักยภาพพร้อมรอบด้านมากที่สุด ”

        เนื่องจากระบบการศึกษา ไม่เอื้อให้เด็กมีวิสัยทัศน์ทำอย่างอื่นได้นอกจากเรียน ทุกวันช่วงปิดเทอมไม่ต่างอะไรจากเปิดเทอม พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำงานมากขึ้น เพื่อให้ลูกมีความรู้ติดตัว แข่งขันกับผู้อื่นได้

        ขณะที่ ”ฐิติภา พิเคราะห์ หรือแม่แมว อายุ 47 ปี เป็นคนจ.นครศรีธรรมราช" อาชีพกรีดยางรายได้เดือนละ 15,000บาทส่วนผู้เป็นพ่อล้วน พระแก้ว อายุ50 ปี ประกอบอาชีพขับรถขนทรายและดิน รายได้ประมาณเดือนละ25,000 – 30,000บาท มีลูกชาย 3 คน คนโตและคนกลางเรียนจบชั้นม. 6 แล้วไม่เรียนต่อ เพราะเสียสละให้ น้องมีน ลูกชายคนเล็ก ปัจจุบันเรียนชั้นม.5โรงเรียนเทพศิรินทร์ กทม.ได้ทำตามฝันเรียนให้สูงๆ

         “จะบอกเขาว่า เราเป็นคนทำมาหากิน เราต้องเรียนหนังสือ เพื่ออนาคต เพราะพ่อแม่ไม่สมบัติอะไร ค่าใช้จ่ายของเขาเวลาเขาโทรมาบอกว่าจะเรียนพิเศษ ก็ไม่เป็นไร เพราะพ่อยังหาไหว ถ้าลูกตั้งใจเรียน”

         ปัจจุบัน น้องมีน อยู่หอใกล้โรงเรียน จะกลับมาเยี่ยมที่บ้านช่วงปิดเทอมใหญ่ 10 วัน จากนั้นจะกลับไปเรียนพิเศษโดย พ่อจะให้เงินเป็นรายเดือนละ 20,000 บาท แบ่งเป็นค่าหอเดือนละ6,000บาทค่าใช้จ่ายส่วนตัว 4,000 บาทค่าเรียนพิเศษ 10,000บาท ปัจจุบันเรียนเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม และเรียนพิเศษในรายวิชาอื่นๆช่วงเปิดเทอม น้องมีน สอบเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้อันดับที่8ใน30อันดับ

         รักษ์ -ชวัลณัท นิพนธ์กิจ คุณแม่รุ่นใหม่ที่ต้องดูแลลูกชายชั้นป. 6 กล่าวขณะนั่งรอหน้าสถาบันกวดวิชา ว่าการเลี้ยงลูก 1 คน ครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อแม่ทำงาน และต้องเลี้ยงลูกเอง ต้องทำทุกสิ่งเพื่อให้ลูกมีศักยภาพเท่าเด็กคนอื่นๆ การเรียนพิเศษจึงถือเป็นการทบทวนความรู้ช่วงปิดเทอม และเสริมเทคนิคการเรียนอื่นๆ เพิ่มเติม

    โดยวันจันทร์-ศุกร์ จะเรียน 3 วิชา วิชาละ 2 ชั่วโมง ส่วนเสาร์-อาทิตย์จะทำกิจกรรมครอบครัว ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ เปิดประสบการณ์ โลกทัศน์การเรียนรู้ว่าชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องเรียน   

        “เราเลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน ที่เขาสามารถปรึกษา คอยให้คำแนะนำและสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ หน้าที่ของพ่อแม่ นอกจากให้ความรัก ความอบอุ่น การดูแล อบรมที่ดีที่สุดแล้ว ต้องให้เขาได้มีอาวุธทางปัญญาด้วย สอนให้ลูกเป็นคนดี และคนเก่ง ซึ่งความดีเกิดจากต้นแบบดีๆ พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างแก่ลูก ยุคนี้ก็ต้องส่งเสริมลูกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” 

      กว่าเด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องใช้เวลาหลายปี การอบรม เลี้ยงดูของครอบครัว จึงเป็นฐานรากทีทุกๆ ก้าวย่างของชีวิต ครอบครัวเดี่ยวคนรุ่นใหม่จึง ต้องดิ้นรนต่อสู้ ทำมาหากิน เพื่อส่งเสียลูกให้เรียนระดับที่สูงขึ้น ที่หวังว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ดีนั่นเอง