สสส.เผยผลตรวจสอบไม่มีเรื่องทุจริต-ผิดระเบียบ 

     ช่วงครึ่งปี 2559 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ถูกตรวจสอบอย่างหนักจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ทำให้ต้องมีการชะลอโครงการต่างๆเป็นระยะเวลาถึงครึ่งปี ก่อนที่จะเริ่มขับเคลื่อนอย่างจริงจังอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง

       ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวในการแถลงผลการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพปี 2559และก้าวต่อไปของสสส.ว่า ในปี 2559สสส. เริ่มต้นปีด้วยความยากลำบาก เดินหน้าเหมือนมีโว่ตรวนผูกเท้าไว้ข้างหนึ่งแล้วต้องลากลูกตุ้มไปด้วย เพราะต้องอยู่ภายใต้การชะลอโครงการต่างๆจากการตรวจสอบของคตร.ประมาณครึ่งปี ความก้าวหน้าต่างๆจึงช้ามากๆแต่ก็มีการดำเนินงานเริงมือในช่วงครึ่งปีหลัง

         “ปีที่ผ่านมา สสส.มีการตรวจสอบที่มากและต้องชะลอโครงการไปครึ่งปี ซึ่งเป็นเพียงข้อกล่าวหายังไม่ใช่การทำผิด และยืนยันว่าถึงตอนนี้ ยังไม่มีว่าเรื่องไหนมีการทุจริตหรือผิดระเรียบ ซึ่งการทำได้รับเกียรติบัตรองค์กรที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานระดับสูงมาก น่าจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองได้ว่าสสส.ยืนอยู่ในระดับไหน เป็นองค์กรที่ไม่โปร่งใส หรือขาดคุณธรรมหรือไม่”ดร.สุปรีดากล่าว

      ผู้จัดการสสส. กล่าวอีกว่า การประเมินผลธรรมาภิบาลด้านผลลัพธ์ตามหลักธรรมาภิบาลของสสส.ซึ่งดำเนินการโดยคณะกรรมการประเมินผล สสส.ที่มีรศ.ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธานที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) สสส.ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 8.78 จากคะแนนเต็ม 10 เมื่อแยกย่อยใน 6 ข้อของธรรมาภิบาล คือ 1.ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน ได้คะแนน 8.68 ความรับผิดชอบต่อผลงาน 9.30 การมีส่วนร่วม 8.00 ความโปร่งใส 9.07 หลักนิติธรรม 8.84 และความถูกต้องชอบธรรม 8.80

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ใน 6 ข้อของธรรมาภิบาลคะแนนด้านการมีส่วนร่วมน้อยที่สุดทั้งที่ สสส.ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ดร.สุปรีดา กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายไม่ใช่เพียงแค่เข้ามารับการสนับสนุนโครงการเท่านั้น แต่เริ่มตั้งแต่การวางแผน และการกลั่นกรองแผนไม่ใช่ผู้บริหารเป็นผู้ตัดสิน อย่างเช่น ตัวกลั่นกรองในแง่วิชาการมีบัญชีอยู่พันกว่ารายชื่อที่จะเข้ามาช่วยกันกลั่นกรอง แต่ก็ยังได้คะแนนในส่วนนี้น้อยกว่าข้ออื่น โดยมีข้อคำถามว่าคนข้างนอกที่ไม่ใช่ภาคีมีส่วนร่วมหรือไม่ แค่ไหน จึงวางแผนว่าในปี 2560 จะเพิ่มการทำงานด้วยในขั้นตอนของการร่างแผนจะประกาศลงในเวบไซต์ของสสส.ล่วงหน้าเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้

       ดร.สุปรีดา กล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ2559สนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาพทั้งสิ้น2,401โครงการ มีผู้รับทุนรายใหม่2,859ราย/องค์กร มีผลการดำเนินงานสำคัญๆ คือ1.ความสำเร็จของบทบาทประเทศไทยเป็นผู้นำการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย 2.ขยายฐานผู้รับผลประโยชน์เข้าถึงองค์ความรู้การสร้างเสริมสุขภาพ ผ่านศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. และขยายศูนย์ฯ ภูมิภาคอีก4แห่ง มีประชาชนมาใช้บริการทุกช่องทางเกือบ4ล้านคนหรือครั้ง เพิ่มจากปีที่แล้วเกือบ150% 3.พัฒนาและขยายพื้นที่สุขภาวะทั่วประเทศกว่าหนึ่งหมื่นแห่ง 4.สร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ สนับสนุนและพัฒนารูปแบบการจ้างงานคนพิการทำงาน ส่งผลให้เกิดเป้าหมายการจ้างงานคนพิการเพิ่ม16,000คน สร้างรายได้ให้แก่คนพิการเพิ่มในปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า140ล้านบาท

     ยุทธศาสตร์การทำงานของ สสส. ในปี2560ตัวอย่างจุดเน้นสำคัญ เช่น 1.ยกระดับ สสส. ให้เป็นสถาบันการเรียนรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (ThaiHealth Academy)ศูนย์กลางการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ 2.จัดการปัญหาบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่สำคัญด้วยมาตรการทางสังคมเสริมกฏหมาย 3.ยังคงพัฒนาและขยายพื้นที่สุขภาวะทั่วประเทศที่ยังเดินหน้าสืบเนื่องต่อไป ทั้งเพิ่มจำนวนและเชิงคุณภาพที่ยกระดับจากการจัดการความรู้และศูนย์เรียนรู้ต่างๆ โดยรับโจทย์ของภาคและท้องถิ่นผ่านกลไกเขตสุขภาพเพื่อประชาชนมากขึ้น