"สมเด็จพระสังฆราช"ประทับรถกอล์ฟให้พุทธศาสนิกชนถวายสักการะ

       เมื่อวันที่ 15 ก.พ.60 เวลา 07.30 น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพุทธศาสนิกชนเฝ้าถวายสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยทางวัดราชบพิธฯ เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนเฝ้าถวายสักการะเพื่อแสดงมุทิตาจิตในวโรกาสที่ทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ.2560

      โดยวันนี้เป็นวันสุดท้าย ยังคงมีประชาชนหลั่งไหลมารอเฝ้าสักอย่างเนื่องแน่น โดยมีพุทธศาสนิกชนบางส่วนปักหลักรอเฝ้าถวายสักการะตลอดทั้งคืน

     เนื่องจากพลาดโอกาสในการเฝ้าถวายสักการะ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปทยอยเข้าพื้นที่จุดเต็นท์พักคอยหน้าวัดราชบพิธฯ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของวันที่ 15 ก.พ. จนเต็มพื้นที่และต่อแถวยาวจนรอบบริเวณวัด เพื่อรอเฝ้าเข้าถวายสักการะด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสังฆราช

       ต่อมาเวลา 09.00 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จลงจากตำหนักอรุณ  เข้าสู่พระอุโบสถทางประตูวิหาร ทิศตะวันออก   โอกาสนี้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) หัวหน้าพราหมณ์สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง พร้อมด้วยคณะพราหมณ์ได้เฝ้าถวายนำสังข์ เพื่อแสดงมุทิตาจิตแด่องค์สมเด็จพระสังฆราช 
        พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ กล่าวว่า เป็นประเพณีในการเฝ้าถวายสักการะ โดยในทางคติความเชื่อมางพราหมณ์ พระสังข์ เป็นที่เก็บน้ำของเทพมนต์ เป็นมงคล จึงมาถวายสักการะแด่สมเด็จพระสังฆราช 

        จากนั้น เวลา 10.15 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จพระดำเนินออกจากพระอุโบสถ ประทับรถกอล์ฟ วนซ้ายออกนอกประตูวัดทางถนนราชบพิธฯ เลี้ยวซ้ายไปทางถนนเจริญกรุง เข้าสู่ถนนเฟื่องนคร วนรอบวดเพื่อประทานวโรกาสให้พุทธศาสนิกชน ได้เฝ้าถวายสักการะ

       เนื่องจากในการเปิดให้พุทธศาสนิกชนเฝ้าสักการในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่ามีพุทธศาสนิกชนจำนวนมามารอ แต่ไม่ได้เฝ้าสักการะ จึงทรงพระเมตตา ห่วงใยทุกคนที่มาเฝ้ารอ และมีพระประสงค์ ให้พุทธศาสนิกชนทุกคนได้มีโอกาสถวายสักการะอย่างใกล้ชิด

      ทั้งนี้ทางวัดได้ขอความร่วมมือพุทธศาสนิกชน ให้นั่งอย่างเรียบร้อย หุบร่มและถอดแว่นกันแดด งดถวายปัจจัย โดยตลอดทางมีพุทธศาสนิกชนเฝ้ารับเสด็จสองข้างทางที่ทรงเสด็จพระดำเนินผ่าน พร้อมเปล่งเสียง "สาธุ"ดังกึกก้อง

     เมื่อเวลา 14.00 น.สมเด็จพระสังฆราช เสด็จพระดำเนินจากตำหนักอรุณ มายังพระอุโบสถ ประทานวโรกาสให้พุทธศาสนิกชน เฝ้าถวายสักการะตั้งแต่ช่วงเวลา 14.00-16.00 น. ซึ่งยังคงมีพุทธศาสนิกชน และคณะบุคคล เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางวัดราชบพิธฯได้เตรียมหนังสือพระประวัติและพระรูปสมเด็จพระสังฆราช มอบให้

    ในการนี้ประทานวโรกาสให้ นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ในฐานะผู้แทนจุฬาราชมนตรี ถวายสาสน์พร้อมแจกันดอกไม้ในโอกาสสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

    โดย นายประสาน กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนจุฬาราชมนตรีและพี่น้องมุสลิมแห่งประเทศไทย ได้มาแสดงความปิติยินดีที่พระองค์ได้รับการสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 เป็นนิมิตรหมายอันดีงาม โดยพระองค์ทรงตรัสว่าเราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องปรึกษาหารือกัน ที่สำคัญพระองค์ตรัสว่า ที่ผ่านมา อาจมีผู้หวังดีทำให้เราเข้าใจแตกต่างกัน จึงทรงย้ำว่าหากเรายังยึดตามหลักคำสอนของแต่ละศาสนา ที่มีเป้าหมายเดียวกันคืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ก็จะไม่เกิดความแตกแยก

   ต่อมาเวลา 16.00 น.สิ้นสุดการเปิดให้เฝ้าถวายสักการะ และเป็นวันสุดท้ายตามกำหนดการที่เปิดให้พุทธศาสนิกชนถวายสักการะ ในการนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานพระโอวาท ใจความว่า ขออำนวยพรแด่ทุกท่านท่านทั้งหลายมีจิตใจเปี่ยมด้วยความมุทิตาหนึ่งในพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา โดยเฉพาะข้าราชการทหาร ตำรวจ ที่มาอำนวยความสะดวกให้เรียบร้อยขออนุโมทนา

       ทั้งนี้เมื่อ 2 วันแล้ว ได้เน้นย้ำเรื่องความสามัคคีจากภาษิตที่ว่า สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฒิสาธิกา แปลว่า ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ยังความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้น ถือเป็นเครื่องเตือนใจ ขอให้พวกเราทุกท่านได้ยึดความสามัคคีไว้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีความแตกแยก ช่วยกันคิดพัฒนาตัวเอง ส่วนรวมให้เกิดความรุ่งเรืองทางวัตถุและจิตใจ โดยเรื่องจิตใจต้องสอนใจตัวเองได้ ก็จะเจริญก้าวหน้า ขอขอบใจทุกคน ขออำนวยพรอัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้ทุกท่านประสบผลตามที่มุ่งหมายโดยชอบประกอบด้วยธรรมทุกประการเทอญ.

    จากนั้น 16.25 น.สมเด็จพระสังฆราช เสด็จพระดำเนินจากพระอุโบสถ ประทับรถกอล์ฟวนขวาไปทางถนนเฟื่องนคร เข้าสู่ถนนเจริญกรุง และเข้าสู่ถนนราชบพิธ ประทานวโรกาสให้พุทธศาสนิกชนที่มารอเฝ้าถวายสักการะโดยรอบวัดราชบพิธฯ ได้เฝ้าถวายสักการะอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง

     ด้าน พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในฐานะเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราช มีกำหนดการเสด็จพระดำเนินไปทรงถวายสักการะพระอัฐิอดีตสมเด็จพระสังฆราช 19 พระองค์และสักการะสมเด็จพระราชาคณะ ระหว่างวันที่18-20 กุมภาพันธ์ ดังนี้ วันที่ 18 ก.พ.เวลา 14.00 น. เสด็จไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 7 จากนั้น เสด็จไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฆษฏิ์ ราชวรมหาวิหาร ทรงถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 2

      สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 3 สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุกญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 4 สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 5 ต่อมาเสด็จวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 และวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เสด็จไปทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 16

     ในวันที่ 19 ก.พ.เวลา 14.15น. เสด็จไปวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร ทรงสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (กิตฺติโสภณมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่14 เสด็จไปวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร สักการะพระอัฐิ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ญาณวรมหาเถร) สมเด็จพระวันรัต (นิรนฺตรเถร) สมเด็จพระญาณวโรดม (สนฺตงฺกุรเถร) เสด็จไปยังวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ญาโณทยมหาเถร) สมเด็จพระวังฆราช พระองค์ที่15 ต่อมาเสด็จไปวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร ทรงถวายสัการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่12 และเสด็จไปยังวัดปากน้ำภาษีเจริญ ทรงถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

      พระพรหมมุนี กล่าวอีกว่า ในที่ 20 ก.พ. เวลา14.00น. เสด็จออกจากวัดไปวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ทรงถวายสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ( ปุสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่9 จากนั้นเสด็จเป็นองค์ประธานการประชุมมหาเถรสมาคมที่พุทธมณฑล ต่อจากนั้นเสด็จไปวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงษญาณ(ศรี) สมเด็จพระองค์ที่1 และเสด็จไปยังวัดราชบุรณะ ราชวรวิหาร ทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงษญาณ(นาค) พระองค์ที่6