“การทำงานทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกรับและเก็บเกี่ยวมันไว้ และประโยชน์นั้นคือ ประสบการณ์ การทำงานร่วมกับคนหลายๆ คน บุคลากรหลายๆฝ่าย มันสอนให้เราเป็นคนใจเย็นมากขึ้น รู้จักการวางตัว หากเราทำงานแบบดื้อรั้น จะทำให้เกิดการแตกหักระหว่างกันได้ แต่ถ้าไม่กล้าตัดสินใจ มัก็จะทำให้ฐานที่วางไว้เอนล้มลงมา การได้เข้ามาอยู่ในชุมชน เรียนรู้วิถีชีวิตอย่างง่ายๆ เป็นการลดอคติของนักศึกษาต่อชุมชนได้ และทำให้เห็นบริบทที่เป็นไปอย่างแท้จริงมากกว่าการสอนในห้องเรียน” คำบอกเล่าของ ฐิติวิชช์ ศิริพันธ์ หรือ ต๊ะ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. หนึ่งในนักศึกษาที่ร่วมใช้ชีวิตในการฝึกภาคสนามร่วม ครั้งที่ 34 ของนักศึกษาศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ บ้านหนองแต้ บ้านกุดเชียงมี บ้านดง และบ้านขุนด่าน ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น กล่าว
การฝึกภาคสนามร่วมครั้งนี้ ประกอบด้วย นักศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ร่วมจำนวน 604 คน และอาจารย์ประจำบ้าน 53 คน การฝึกภาคสนามร่วมเป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องมาทุกปี
ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 34 โดยเป็นการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้เรียนรู้และให้มีประสบการณ์ในการศึกษาปัญหาของชุมชนตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชุมชน ตลอดจนสามารถวางแผนแก้ไขปัญหาร่วมกับผู้นำชุมชนได้ เป็นการพัฒนาและเสริมสร้าง “ทักษะชีวิต”แก่นักศึกษาซึ่งมีความสำคัญในการสร้างบัณฑิตที่พึงประสงค์ตามเจตนารมย์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
การลงสนามจริงที่นักศึกษาจะต้องเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ก่อนหน้านั้นจะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเริ่ม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่จริง ซึ่งกิจกรรมแรกเริ่ม คือ การปฐมนิเทศ นักศึกษาจะทราบว่าตนได้อยู่บ้านไหน เขตไหน รับผิดชอบพื้นที่ไหน และมีหน้าที่ใด จากนั้นเป็นการลงสำรวจพื้นที่ครั้งแรก ตัวแทนจะต้องลงพื้นที่และพบกับคุณพ่อประจำบ้านนั้นๆ ที่แต่ละคนอยู่ หลังจากนั้นจะมีการสำรวจอย่างน้อยสองครั้ง แล้วต่อด้วยการเตรียมออกพื้นที่
ขั้นที่สอง คือ เตรียมตัวนักศึกษาให้รู้หน้าที่ของตนและสามารถปรับตัวได้ ในปีนี้จำนวนนักศึกษาต่อบ้านมีจำนวนประมาณ 12 คน ใน 12 คน มาจากแต่ละคณะที่แตกต่าง รวมถึงคละเพศด้วย เพราะอยากให้เด็กได้ทำงานเป็นทีม ขั้นที่สาม คือ อยู่ในพื้นที่จริงระหว่างวันที่ 22 – 29 ธันวาคมที่ผ่านมา
"เรามีคู่มือของรายวิชานี้ ที่พยายามพัฒนามานานกว่า 34 ปี กว่าจะได้เป็น The Best Practice ที่ สกอ. บอกว่าเป็นบทเรียนไฮไลท์ที่มหาวิทยาลัยอื่นไม่สามารถทำได้" รองศาสตราจารย์ ดร.อรวรรณ บุราณรักษ์ อาจารย์ที่ปรึกษา จากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย
รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการฝึกภาคสนามร่วม เพื่อต้องการให้นักศึกษาในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพได้มีโอกาสออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจริงในชนบท ได้ศึกษาชุมชนว่ามีปัญหาทางด้านสุขภาพอะไรบ้าง ในขณะเดียวกันนักศึกษาที่มาจากต่างคณะ จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ซึ้งกันและกัน เพราะท้ายที่สุดในเวลาทำงานจริง นักศึกษาที่ที่จบไปเป็นบัณฑิต ก็จะได้ไปทำงานร่วมกันกับหลายๆสาขาวิชาชีพ ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างอยู่
นี้คือเจตนารมและวัตถุประสงค์แรก ต่อด้วยเราอยากให้นักศึกษาได้ไปเรียนรู้ ได้ไปเห็นด้วยตัวเองว่าชาวบ้านในชนบทเขาเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน เมื่อเวลากลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยจะได้ตั้งใจฝึกฝนและเรียนรู้ นำเอาประสบการณ์ที่ลงพื้นที่จริง มาปรับใช้และวางแผนในการแก้ไขปัญหาได้ตรงเป้าหมายเมื่อจบออกไปปฏิบัติงานจริง
ฐิติวิชช์ ศิริพันธ์
ฐิติวิชช์ กล่าวเพิ่มเติม ดีใจ ที่ได้รับโอกาสทำหน้าที่เป็นหัวหน้าดูแลการทำงานของหลายๆ ฝ่ายในค่ายครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งที่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และวิทยาลัยบัณฑิตเอเชียได้ทำร่วมกันกับชาวบ้านบ้านดง มิตรภาพที่เกิดขึ้นจะทำให้เราทำงานร่วมกันได้
ส่วน เติมศักดิ์ ปิตตาระเต นักศึกษาคณะทันตแพทยศาสตร์ กล่าวว่าค่ายนี้ คือห้องเรียนอีกหนึ่งห้องที่ทำให้รู้ว่าวิถีชีวิตชุมชนเป็นอย่างไร จะเรียนรู้ชาวบ้านเรียนรู้และเข้าใจซึมซับวิธีการทำงานกับชุมชน และผู้คนที่เรียนต่างคณะ ต่างสาขาวิชาชีพเพราะในอนาคตต้องได้ทำงานร่วมกับผู้อื่นแน่นอน
เติมศักดิ์ ปิตตาระเต
นอกจากการฝึกภาคสนามร่วมของนักศึกษาศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ นี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นยังเปิดวิชา “วิถีชุมชน” ให้เป็นศึกษาทั่วไป นักศึกษาในคณะอื่นๆ ก็มีโอกาสสามารถที่จะออกไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในวิถีชีวิตชนบท จะทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น มีประสบการณ์ตรงกับการดำรงชีวิต และการช่วยเหลือชาวบ้าน ในชนบท แล้วนำมาเรียนรู้-ปรับใช้กับการทำงานได้อย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดคือบทเรียนชีวิตอีกบทหนึ่งที่จะพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตทั้งในและนอกรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่หาซื้อไม่ได้