ผศ.ดร.ประโยชน์ คุปต์กาญจนากุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานศูนย์ราชภัฏร่วมใจช่วยภัยน้ำท่วม เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) ได้จัดตั้งศูนย์และครัว มรส.ขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือและปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัยนั้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้ส่งทีมพยาบาลซึ่งประกอบด้วยอาจารย์และนักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ มรส. ออกไปให้ความช่วยเหลือ ดูแลรักษา ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกมาจากพื้นที่อุทกภัยต่าง ๆ ด้วย
อธิการบดี มรส.กล่าวต่อไปว่า ในแต่ละวันจะแบ่งนักศึกษาและอาจารย์พยาบาลออกเป็นทีม เพื่อออกไปปฏิบัติการร่วมกับอาสาสมัครอื่น ๆ โดยแยกย้ายออกไปตามพื้นที่ที่มีน้ำท่วมต่าง ๆ เช่น อ.พุนพิน อ.กาญจนดิษฐ์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี อ.เมือง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น แต่หากเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจะไม่อนุญาตให้นักศึกษาออกปฏิบัติการ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
“พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ถูกฝึกมาให้มีความเมตตากรุณา ปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ประกอบกับความรู้ความสามารถด้านการพยาบาล นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่พยาบาลจะได้ใช้วิชาชีพของตนให้เกิดประโยชน์ในการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะฝึกให้นักศึกษาพยาบาลทุกคนได้มีจิตอาสาและรู้จักเสียสละ อันเป็นหัวใจสำคัญของวิชาชีพพยาบาล” อธิการบดีกล่าว
นางวรรณา กุมารจันทร์ อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ มรส. หนึ่งในทีมพยาบาลที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านเป็นโรคน้ำกัดเท้าเนื่องจากต้องเดินย่ำอยู่ในน้ำสกปรกติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบยาทารักษาอาการน้ำกัดเท้าพร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วย
นางวรรณากล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วย 2 รายติดอยู่ในบ้านที่มีน้ำท่วมสูง คนหนึ่งเป็นคนไข้เพิ่งผ่าตัดหัวใจมาได้แค่ 3 เดือน ยังมีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ มีโรคประจำตัวและความดันโลหิตสูง อีกรายหนึ่งเป็นผู้สูงอายุนอนติดเตียง อายุ 94 ปี มีแผลกดทันและอ่อนเพลีย ซึ่งทีมพยาบาล มรส.ได้นั่งเรือฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและลึก 4-6 เมตรเข้าไปรับตัวออกมา พร้อมนำส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย
“จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คุณนันทกา ฐานวัฒนกิจ ซึ่งทราบข่าวการปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทของทีมพยาบาล มรส. ได้มอบเสื้อชูชีพจำนวน 10 ตัวให้แก่คณะพยาบาลศาสตร์ มรส. เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป ซึ่งนับว่าเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย” นางวรรณากล่าว
