Lifestyle

ก.ค.ศ.แก้เกณฑ์เฟ้นผอ.-รองผอ.สพท.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มติบอร์ดก.ค.ศ.ปรับหลักเกณฑ์คัดเลือกผอ.สพท.-รองผอ.สพท.ไม่เน้นการสอบ แต่เน้นดูประวัติ ผลงาน ศักยภาพความเป็นผู้นำ ลั่นระบบใหม่เฟ้นคนได้อย่างยุติธรรม ไร้ปัญหาทุจริต

            เมื่อวันที่13 ม.ค.60 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้ปรับวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.)และรองผอ.สพท. โดยให้มีการสอบข้อเขียนน้อยที่สุดเป็นการสอบเพื่อดูพื้นฐานเท่านั้น เนื่องจากการสอบข้อเขียนไม่สามารถคัดคนได้อย่างแท้จริงและยังมีเรื่องการทุจริต ซึ่งหลักเกณฑ์การคัดเลือกใหม่จะพิจารณาใน 3 ส่วน คือ 1.ประวัติว่าเป็นคนดีมีความรู้ ความสามารถหรือไม่ 2.มีผลงานที่ผ่านมาอย่างไร โดยเจ้าจะต้องเป็นผู้เสนอผลงานตนเองให้คณะกรรมการพิจารณา หากผ่านการพิจารณาในขั้นตอนที่ 1และ 2 ก็จะขึ้นบัญชีซึ่งทุกคนมีสิทธิสมัครและเข้ากระบวนการคัดเลือกได้ จากนั้นจะสู่ขั้นตอนที่ 3.คือการคัดศักยภาพความเป็นผู้นำ โดยการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ ในการพิจารณาประวัติรวมถึงการสัมภาษณ์จะไม่ให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการเอง เพราะอาจจะรู้จักกันแต่จะให้ผู้บริหารที่มีระดับตำแหน่งสูงกว่าจากหน่วยงานอื่น จำนวน 3 คนเป็นคณะกรรมการ  เช่น  ผู้บริหารจากองค์กรหลักอื่น ศึกษาธิการภาค ผู้ตรวจราชการ ศธ.และผู้บริหารในท้องถิ่น เป็นต้น

             ทั้งนี้ เมื่อผอ.สพท.และรองผอ.สพท.ผ่านการคัดเลือกก็จะเข้าสู่กระบวนการอบรมพัฒนาเป็นระยะเวลา  1 ปี โดยการอบรมในภาคทฤษฎีจะใช้เวลาไม่กี่วัน ที่เหลือไปปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ซึ่งการประเมินจะดูจากวิสัยทัศน์ที่ให้ไว้ในขั้นตอนการสัมภาษณ์ ว่าจะทำอะไร และสามารถทำตามที่พูดไว้ได้หรือไม่ จะไม่มีการกำหนดตัวชี้วัด หรือ เคพีไอ จากส่วนกลาง

            “การเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือกครั้งนี้ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ ของการเปลี่ยนแปลงการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารของ ศธ.โดยที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าอยากให้การดำเนินการในลักษณะนี้ เกิดขึ้นกับผู้อำนวยการสถานศึกษาด้วย ดังนั้น ผมเชื่อว่าการพิจารณาหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเสนอให้ใช้หลักการเดียวกัน”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ตนมั่นใจว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการคัดเลือกที่ให้ความยุติธรรม ไม่สามารถวิ่งเต้นได้เพราะไม่รู้ใครเป็นกรรมการสอบตนเอง และขจัดปัญหาการทุจริต ทั้งนี้ ได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.และสพฐ.ไปจัดทำรายละเอียดและปฏิทินการสอบ เพื่อนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป

            นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ในอนาคตอาจจะมีการพัฒนาการสอบให้เป็นในรูปแบบเดียวกับของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) คือ เปิดสอบข้อเขียนเป็นระยะและขึ้นบัญชีไว้ก่อน ขณะเดียวกัน การสอบผอ.สพท.และรองผอ.สพท.ก็ไม่จำเป็นต้องรอเปิดสอบพร้อมกัน หาก สพท.ใดมีอัตราว่างก็สามารถเปิดคัดเลือกได้เพราะคะแนนสอบถือเป็นส่วนน้อยแค่ 10%  นอกจากนี้ ที่ประชุมอนุมัติย้ายรองผอ.สพท.จำนวน 66 ราย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ