มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย สำนักวิชาจีนวิทยา ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย จัดงานสัมมนาเรื่อง “ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-จีน” (Thailand and China’s Economic Cooperation) ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการก่องตั้ง สถาบันขงจื่อแห่งมหาวิทยาลฃัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2559 ณ มฟล. จ.เชียงราย เพื่อให้ผู้บริหารจากภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน นักวิชาการ นักศึกษา ตลอดจนประชาชนผู้สนใจ ได้รับฟังข้อมูลและข้อคิดเห็นด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีนอย่างรอบด้าน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือทางด้านยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศในมิติต่างๆ โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลายท่านกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี มฟล. กล่าวต้อนรับและเปิดงานว่า ในยุคที่ยังไม่มีใครคาดคิดว่าประเทศจีนจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก แต่ มฟล. เป็นสถาบันการศึกษาแรกๆ ที่บุกเบิกความร่วมมือกับจีน และมีจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับจีนอย่างหลากหลาย ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ จึงได้ก่อตั้ง ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร เพื่อให้เป็นต้นแบบและศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือ ทั้งในด้านการเรียนการสอน และการเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมจีน ทำให้เกิดความเข้าอกเข้าใจระหว่างประเทศทั้งสอง เพราะภาษาเป็นกุญแจที่จะทำให้เปิดเข้าหากัน ต่อมาจึงได้จัดตั้งสถาบันขงจื่อฯ ขึ้น โดยความร่วมมือโดยตรงระหว่างรัฐบาลจีนกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
“มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับจีนมาโดยตลอด ด้วยหลักสูตรที่หลากหลายตอบรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในระดับนานาชาติ โดยในระยะที่ผ่านมานั้นเราเป็นตัวกลางในการสร้างความเข้าใจนโยบาย One Belt One Road ของจีน รวมทั้งจัดกิจกรรมหลายด้านเพื่อให้เกิดความร่วมมืออันดีในมิติต่างๆ ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งการประชุมวิชาการ การวิจัย การแลกเปลี่ยนบุคลากรอาจารย์และนักศึกษา การประกวดแข่งขันด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน โดยการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมรับฟังทิศทางก้าวย่างของจีน ในสถานการณ์ที่มีความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และร่วมมองไปข้างหน้าถึงทิศทางการก้าวเดินของไทย และภูมิภาคอาเซียน ที่มีจีนเป็นหุ้นส่วนสำคัญในทุกด้าน” อธิการบดี มฟล. กล่าว
ด้าน ฯพณฯ หนิงฟู่ขุ่ย (Mr. Ning Fukui) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-จีน มีใจความตอนนี้หนึ่งว่า ประเทศไทยและจีนมีการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกันมาอย่างยาวนาน โดยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมากว่า 41 ปี และมีความร่วมมือหลายด้าน ทั้งทางด้านวัฒนธรรม การค้าการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว เมื่อจีนเปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะกว่าสิบ ปีที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่จีนก็ยังเป็นประเทศที่มีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับแถวหน้าของโลก โดยที่ไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนก็มีจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญระหว่างกัน เชื่อว่าเมื่อมีการดำเนินยุทธศาสตร์ที่สอดรับกัน ก็จะทำให้มีการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ เติบโตมากขึ้นไปอีก
เอกอัครราชทูตจีนกล่าวต่อไปว่า จีนเป็นผู้นำในด้านความร่วมมือที่หลากหลายด้านกับประเทศไทย ทั้งเรื่องของการศึกษา เงินทุน สินค้าเกษตร และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทย สำหรับความร่วมมือกับจังหวัดเชียงราย ก็มีสินค้าเกษตรที่สำคัญหลายอย่าง ทั้งข้าวสาร ผลไม้ และลำไยที่ชาวจีนชื่นชอบ ส่วนในด้านการท่องเที่ยวนั้นพื้นที่ภาคเหนือก็ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยจังหวัดเชียงรายมีศักยภาพที่ดีหลายด้าน ทั้งด้านวัฒนธรรม ภูมิทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม อากาศก็เย็นสบาย และที่กำลังได้รับความนิยมก็คือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
โดยจังหวัดเชียงรายมีทั้งสถานพยาบาลและบุคลากรที่มีความพร้อมรองรับชาวจีนกลุ่มนี้ที่ต้องการเข้ามาดูแลรักษาสุขภาพพร้อมกับเดินทางท่องเที่ยว สิ่งที่จีนต้องการก็คือการอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งส่วนมากเดินทางข้ามมาจากด่านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เข้ามาท่องเที่ยงในเขตภาคเหนือ ก่อนเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ ทางการจีนมีความเข้าใจในนโยบายการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของไทย ซึ่งก็ไม่ได้กระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลงมากนัก และเห็นด้วยที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และรักษามิตรภาพที่ดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
