
สิ้นไตรมาส2ปีงบ59 รพ.สธ.การเงินวิกฤติ 50 แห่ง
ไตรมาส2ปีงบ59 รพ.สธ.การเงินวิกฤติ 50 แห่ง แนวโน้มดีขึ้น ถกปรับจัดสรรงบฯรายหัวบัตรทองใหม่ เลิกเหมาเข่งเท่ากันทุกแห่ง รพ.พื้นที่ไกล-ประชากรน้อยได้มากกว่าเมือง
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2559 มีโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินระดับ 7 หรือระดับวิกฤติ ประมาณ 50 แห่ง จากโรงพยาบาลทั้งหมด 886 แห่ง แยกเป็นโรงพยาบาลชุมชน(รพช.)หรือรพ.ระดับอำเภอ 44 แห่ง จาก 780 แห่ง คิดเป็น 5.64 % และโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)/โรงพยาบาลทั่วไป(รพท.) 6 แห่ง จาก 106 แห่ง คิดเป็น 5.66 %
ทั้งนี้ การที่รพ.สธ.มีปัญหาเรื่องขาดสภาพคล่องทางการเงินเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก คือ 1. รพ.ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และประชากรในพื้นที่น้อย จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลประชาชนในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองในจำนวนน้อย เนื่องจากงบฯรายหัวจะให้ตามจำนวนประชากร ซึ่งแต่ละแห่งจะได้รับโดยการนำจำนวนประชากรในพื้นที่ คูณด้วยงบฯรายหัวต่อคนต่อปี 2.การบริหารจัดการงบประมาณไม่ดี แม้จะรับผิดชอบประชากรมากกว่า 30,000 คน แต่สถานะทางการเงินยังแย่ และ3.ในพื้นที่เดียวกัน มีรพ.ขนาดใหญ่ระดับรพศ./รพท.หลายแห่ง เช่น จ.สิงห์บุรี และราชบุรี เป็นต้น ทำให้เกิดการแบ่งเงินและแย่งทรัพยากร
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า จากการหารือร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เกี่ยวกับทิศทางการจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2560 โดยมีการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาโรงพยาบาลสังกัดสธ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งนี้ จากข้อมูลผลการศึกษาของน.ส.นวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในฐานะนักวิชาการอิสระ เสนอว่า ทางออกหนึ่ง คือ การจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายแบบขั้นบันได โดยหากอยู่ในพื้นที่เกาะ หรือพื้นที่ประชากรน้อยกว่า 30,000 คน ควรได้งบฯรายหัวมากกว่าพื้นที่ปกติ เป็นต้น จะส่งผลให้รพ.ในแต่ละแห่ง แต่ละพื้นที่จะได้รับการจัดสรรงบฯรายหัวต่อคนต่อปีไม่เท่ากัน ต่างจากปัจจุบันที่รพ.ทุกแห่งจะได้รับงบฯรายหัวต่อคนต่อปีเท่ากันทั้งประเทศ
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องเงินเดือนซึ่งปัจจุบัน 60 %ของเงินเดือนบุคลากรสังกัดสธ.อยู่รวมในงบฯเหมาจ่ายรายหัว ไม่ได้ตั้งงบเงินเดือนไว้ในงบประมาณของสธ.นั้น จากการประชุมหารือร่วมกับสปสช. และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีข้อเสนอว่า ควรตัดเงินเดือนของบุคลากรสาธารณสุขระดับไหน ระหว่างระดับประเทศ หรือระดับเขต เนื่องจากหากตัดเงินเดือนระดับประเทศ งบจะถูกหักออกมา และจะทำให้พื้นที่ภาคอีสาน ที่มีประชากรมากได้รับงบรวมน้อยลง แต่จะทำให้ภาคอื่นๆได้รับงบเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งหมดยังไม่ได้ข้อสรุป โดยได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปจัดทำตัวเลข ข้อเสนอ การเปรียบเทียบต่างๆมาเสนอในที่ประชุมอีกครั้ง ก่อนเสนอให้คณะอนุกรรมการการเงินการคลัง ในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)พิจารณาในช่วงวันที่ 9-10กรกฎาคม 2559 ก่อนนำเสนอบอร์ดสปสช.ต่อไป
“จุดประสงค์เดิมในการตัดเงินเดือนระดับเขตก็เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์กระจายไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่กระจุกตัว เรียกว่าใช้เงินเดือนเป็นตัวดึงคน แต่จาก 10กว่าปีที่ผ่านมาก็เห็นชัดแล้วว่า ไม่ได้ช่วยให้บุคลากรกระจายไปยังชนบทมากนัก ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในตัวเมืองใหญ่ๆ จึงต้องมีการพิจารณาและปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่”นพ.โสภณกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปีงบประมาณ 2557 มีโรงพยาบาลสังกัดสธ.ขาดสภาพคล่องทางการเงินระดับวิกฤติ หรือระดับ 7 จำนวน 105 แห่ง ดังนั้น เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2559 มีรพ.ที่มีสถานะทางการเงินระดับ 7 เพียง 50 แห่ง จึงถือว่าสถานการณ์รพ.สธ.ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินระดับวิกฤติมีแนวโน้มลดลง



