
เล็งใช้ยาแรงอาชีวะรัฐ-เอกชนทะเลาะซ้ำซากสั่งงดรับนศ.
“ชัยพฤกษ์” เล็งนำมาตรการทางบริหารจัดการวิทยาลัยอาชีวะรัฐ-เอกชน ที่มีปัญหาวิวาท รุนแรง ซ้ำซาก ให้งดรับนักศึกษาปีถัดไป เบื้องต้นจับตา 5 วิทยาลัยทีก่อเหตุตีกันบ่อย
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 30/2559 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ประชุมร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษารัฐและเอกชนทั่วประเทศ มีการกำหนดมาตรการระยะเร่งด่วนที่ต้องทำ คือ การอบรมพนักงาน เจ้าหน้าที่ และให้วิทยาลัยไปจัดทำแผนมาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาทให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้า คสช. โดยให้เสนอมายังสอศ.ภายใน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีคำสั่ง คสช.ก็เกิดเหตุการนักเรียน นักศึกษาทะเลาะวิวาท 2-3 จุด เช่นในพื้นที่จังหวัดสมุทราปราการ เจ้าหน้าตำรวจได้ควบคุมตัวนักเรียน นักศึกษา 10 คนก่อเหตุทะเลาะวิวาท และเชิญผู้ปกครองมารับทราบและวางเงินประกัน รายละ 5,000 บาท ซึ่งในระยะเวลา 2 ปี หากเด็กไม่ก่อเหตุวิวาทซ้ำก็จะคืนเงินประกันให้ แต่หากก่อเหตุอีกจะริบเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเด็ก ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดนักศึกษาหญิงชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ( ปวช.) ปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ย่านมีนบุรี ถูกยิงจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับวิทยาลัยอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการประชุมผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน ในกลุ่มจตุจักร 11 แห่ง เป็นวิทยาลัยรัฐ 7 แห่งและเอกชน 4 แห่ง เพื่อหารือมาตรการแก้ไขปัญหาเด็กทะเลาะวิวาทของวิทยาลัยในกลุ่มที่ดำเนินการไว้ อยู่แล้วว่ายังมีช่องว่างอะไรบ้าง รวมถึงได้มีการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อย่างไรบ้าง และเมื่อเกิดเหตุเด็กทะเลาะวิวาทวิทยาลัยได้ดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้ หรือไม่ ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กำชับให้ สอศ.ติดตามปัญหาทะเลาะวิวาทใกล้ชิด และรายงานให้ทราบเป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะบังคับใช้คำสั่งม.44 ถือเป็นมาตรการแรง แต่เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกลับรุนแรงขึ้น เหมือนเป็นการท้าทายคำสั่ง คสช.หรือไม่ ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้วางมาตรการแก้ปัญหาให้สอดรับกับคำสั่ง ม.44 ซึ่งกรณีนักศึกษาไปก่อเหตุหากไม่รุนแรง อำนาจของสถานศึกษาในการพิจารณาลงโทษมีเพียง 4 ระดับ คือ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และปรับพฤติกรรม แต่หากเด็กทำความผิด โดยเป็นความผิดตามกฎหมายจะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะ ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการอย่างจริงจัง
“ขณะนี้ สอศ.กำลังพิจารณาใช้มาตรการทางการบริหารมาดำเนินการกับสถานศึกษาทั้งรัฐและเอกชนที่มีปัญหาทะเลาะวิวาทรุนแรง ซ้ำซาก ซึ่งขณะนี้กำลังจับตาวิทยาลัยรัฐและเอกชน 5 แห่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ โดยหากพบว่าสถานศึกษาใดไม่ดำเนินการตามที่มาตรการกำหนดปล่อยให้เกิดเหตุ สอศ.จะให้วิทยาลัยงดรับนักศึกษาใหม่ในปีถัดไป ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้สั่งให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาของรัฐในจังหวัดพระนครศรีอยุธยางด รับนักศึกษาในสาขาช่างมาแล้ว”ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว



