ไลฟ์สไตล์

“ชัยเลิศ”ยื่นศาลปกครองสภามสธ.ปลดไม่เป็นธรรม

“ชัยเลิศ”ยื่นศาลปกครองสภามสธ.ปลดไม่เป็นธรรม

16 มิ.ย. 2559

“ชัยเลิศ” ยื่นฟ้องศาลปกครองถูกถอดอธิการบดีมสธ.ไม่เป็นธรรม ยันไม่บกพร่องต่อหน้าที่ เป็นคนตรง ทำทุกเรื่องตามกม. มั่นใจศาลให้ความเป็นธรรม

       เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 16 มิ.ย. ที่ศาลปกครองสูงสุด รศ.นพ.ชัยเลิศ พิชิตพรชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ .) เดินทางมายื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ บ171/2559 ฟ้อง สภา มสธ. ที่1, รศ.ดร.องค์การ อินทรัมพรรย์ นายกสภามสธ. ที่2 ผู้ถูกฟ้องคดี พร้อมยื่นเอกสาร และเทปบันทึกภาพการประชุมสภามหาวิทยาลัย เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา โดย รศ.นพ.ชัยเลิศ กล่าวว่า ตามที่สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนฉับพลันในวันที่ 9 มิ.ย.2559 ที่ผ่านนั้น ถือเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม และในหนังสือคำสั่งก็ไม่มีการชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องถูกถอดถอนจากตำแหน่งอธิการบดี 

      ดังนั้น การมายื่นฟ้องศาลปกครองครั้งนี้ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และขอระงับคำสั่งสภามสธ.ถอดถอนอธิการบดี เพราะกระบวนการที่สภามหาวิทยาลัยดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก็ไม่เคยได้เข้าไปชี้แจงในที่ประชุมสภามสธ. อีกทั้ง การที่สภาฯมีมติเสียงข้างมาก จึงเคารพมติของสภามสธ. แต่หากเสียงข้างมากเป็นการแสดงเจตนารมณ์ความต้องการของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากความถูกต้องและในบริบทของสภามสธ.ที่ดำเนินการก็ไม่ได้แสดงถึงความถูกต้อง คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย

       “ผมเป็นคนตรง ยึดมั่นระเบียบข้อบังคับ กฎหมายเป็นหลัก ซึ่งอะไรที่ขัดต่อกฎหมายก็จะแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจน และอาจทำให้ขัดต่อความคิดเห็นของกรรมการบางคน จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนในกรรมการสภาไม่พอใจ โดยเฉพาะกรณีที่ผม ดำเนินกระบวนการสรรหาสภามสธ. ชุดใหม่ เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยจะหมดวาระในเดือนพ.ย. 2559 นี้ ซึ่งตามระเบียบการสรรหานายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย พ.ศ.2555 กำหนดให้อธิการบดี ดำเนินการก่อนที่จะสภามสธ.จะหมดวาระ 6 เดือน ซึ่งผมก็ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของอธิการบดี เพราะถ้าไม่ทำผมก็มีความผิดในฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่ และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยไม่กระทำตามมติของสภามสธ. สภาว่าอย่างไรก็ปฎิบัติตาม แต่ถ้าเป็นคำสั่งของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่งแล้วไม่ถูกต้อง ผมก็ไม่สามารถปฎิบัติได้ และการกระทำทุกอย่างของผม ต้องดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น”รศ.นพ.ชัยเลิศ กล่าว

        ทั้งนี้ สำหรับการไปเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.)สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ โดยที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูง อย่าง ปลัดกระทรวง อธิบดี รวมถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆล้วนไปเรียน วปอ. เนื่องจากการไป วปอ. ถือเป็นการไปราชการอย่างหนึ่ง และไม่ได้ทำให้การบริหารงานในหน้าที่บกพร่อง เพราะสามารถมอบหมายงานให้ระดับรองดูแลแทนได้ ซึ่งก็ได้มอบหมายงานให้รองอธิการบดีปฎิบัติงานแทนในบางเรื่อง และตรงนี้ถือเป็นเรื่องการบริหารงานโดยที่ไม่ได้ทำให้งานในหน้าที่บกพร่อง อยากให้คดีouhเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะหากผู้บริหาร ไปเรียน วปอ.และมีความผิดฐานบกพร่องต่อการปฎิบัติหน้าที่ อีกหน่อยถ้าปลัดกระทรวง หรืออธิการบดีคนอื่นไปเรียนบางก็ถือว่าผิด

      รศ.นพ.ชัยเลิศ กล่าวต่อไปว่า มั่นใจว่าศาลปกครองจะให้ความเป็นธรรมและข้อมูลที่เสนอไปนั้นเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด