
นัดประชุมใหญ่แจงควบรวมอาชีวะรัฐ-เอกชน19ก.พ.นี้
ชัยพฤกษ์ เผยนัดประชุมใหญ่ผู้บริหารอาชีวะรัฐ-เอกชน ผอ.เขตพื้นที่ฯ กว่า900คนวันที่19ก.พ.นี้ ชี้แจงและทำความเข้าใจในการควบรวมอาชีวะ
สืบเนื่องจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่8/2559เรื่อง การบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้อำนาจตามมาตรา44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลตั้งแต่วันที่13ก.พ.2559เป็นต้นไป เมื่อเร็วๆนี้จากการประชุมการบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งเป็นการประชุม4ฝ่าย ได้แก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.)และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ข้อสรุปกำหนดแผนการทำงานเป็น4ระยะ ดังนี้ ระยะแรก ช่วง2สัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.พ. ที่ต้องเร่งดำเนินการโอนภารกิจต่างๆจาก สช.มายัง สอศ. ระยะที่2เดือนมี.ค.–เม.ย.2559เป็นระยะเวลาที่ผู้เรียนกำลังสำเร็จการศึกษาระยะที่3เดือนพ.ค.2559เป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้เรียนใหม่เริ่มต้นภาคเรียนใหม่อาชีวะรัฐและเอกชนจะเข้ามาร่วมกันทำงานเต็มที่ และ ระยะที่4เดือนตุลาคม2559การดำเนินการตามปีงบประมาณ2560
เมื่อวันที่14ก.พ.ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า ยืนยันว่าในวันที่15ก.พ.นี้จะเสนอร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ถ่ายโอนภารกิจ ทรัพย์สิน งบประมาณ บุคลากร ต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาและลงนาม เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อให้การทำงานต่างๆเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกัน4ฝ่ายเมื่อวันที่13ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่เพียงกำหนดแนวทางการทำงาน4ระยะร่วมกันเท่านั้น ยังได้ซักซ้อมความเข้าใจถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ในแต่ละข้ออย่างละเอียด รวมถึงให้ข้อเสนอแนะหรือสะท้อนปัญหาที่ต้องการให้ สอศ.แก้ไข
ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า มีข้อเสนอจากทาง สช.ว่าอยากสอศ.จัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนให้แก่ไปยังวิทยาลัยเป็นรายภาคเรียน เช่นเดียวกับที่จัดสรรให้แก่วิทยาลัยของรัฐ ซึ่งก็รับเรื่องไว้และต่อไปสอศ.จะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนรายหัวให้แก่วิทยาลัยอาชีวะเอกชน ร้อยละ80ในแต่ละภาคเรียน โดยภาคเรียนที่1ภายในเดือนพ.ค.–มิ.ย.และภาคเรียนที่2ภายในเดือนต.ค.–พ.ย. แล้วจะมีการตรวจสอบการเพิ่ม–ลดของผู้เรียน เพื่อให้เพิ่มหรือคืนเงินอีกครั้งก่อนถึงภาคเรียนถัดไป อย่างไรก็ตาม สำหรับงบอุดหนุนรายหัวของปีงบประมาณ2559ที่เหลือ สช.จะดำเนินการโอนมายัง สอศ.เช่นเดียวกับปีงบประมาณ2560ที่ สช.ได้เตรียมตั้งวงเงินงบประมาณของอาชีวะเอกชนไว้แล้ว ประมาณ4,400ล้านบาทนั้นก็จะเป็นงานที่สอศ.ต้องมาดำเนินการต่อ
“นอกจากนี้ สช.เป็นห่วงกรณีของสถานศึกษาเอกชนที่เปิดสอนทั้งหลักสูตรสามัญแต่ขอขยายเปิดสอนหลักสูตรอาชีวศึกษา หรือเปิดสอนอาชีวะแต่ขอขยายเปิดสอนหลักสูตรสามัญ ซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่จำนวน34แห่งในจำนวนนี้มี2-3แห่งที่ใช้ทรัพยากรร่วมกัน อาทิ ใช้อาคารเดียวกันจัดการเรียนการสอนทั้ง2หลักสูตร เป็นต้น แต่ในคำสั่งคสช.ได้ระบุไว้ว่าระยะแรกสามารถดำเนินกิจการไปตามปกติก่อน ดังนั้น ก็ให้ยึดตามคำสั่งดังกล่าว จากนั้นจึงค่อยมาพิจารณาแยกใบอนุญาต ตามระดับที่เปิดสอน ตามมาตรฐานการจัดตั้งสถานศึกษาทั้งของสอศ.และสช.ต่อไป ซึ่งจะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานศึกษาหรือผู้เรียนแน่นอน”เลขาธิการ กอศ.กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากนี้ต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงแนวทางการทำงาน ภายหลังการควบรวมการบริหารอาชีวะรัฐและเอกชนด้วย ดังนั้น ในวันที่19ก.พ.นี้ สอศ.จะจัดประชุมชี้แจงโดยเชิญผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวะเอกชนผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะรัฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา183เขตเข้าร่วม ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี บางพูน ปทุมธานี โดยรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า900คน
รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช นายก สวทอ. กล่าวว่า ในภาพรวมหลังมีคำสั่งควบรวมและได้มีการพูดคุยถึงแนวทางร่วมกับ สอศ.นั้นก็เห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้นแต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ผู้บริหารวิทยาลัยเอกชนยังกังวล โดยเฉพาะกลัวว่าการทำงานจะสะดุดซึ่งจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในวันที่19ก.พ.ทาง สวทอ.จะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารวิทยาลัยเอกชนทั้งหมดในวันที่17ก.พ.นี้ก่อนเพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจ รวมทั้งขอทราบประเด็นข้อสงสัยต่าง ๆ จากนั้นจะประมวลความเห็นและเสนอมายัง สอศ.รับทราบและได้ชี้แจงในการประชุมวันที่19ก.พ.ต่อไป



