ไลฟ์สไตล์

ขนมเบื้องปริญญา'วัชระ ประทุมพวง'

ขนมเบื้องปริญญา'วัชระ ประทุมพวง'

05 ก.พ. 2559

ขนมเบื้องปริญญา'วัชระ ประทุมพวง'จากร้านขายขนมเล็กๆสู่ธุรกิจแฟรนไชส์

             “เรียนจบปริญญาตรี แต่ทำไมมาเป็นพ่อค้าขายขนมเบื้อง!” คำพูดที่หลายคนมักตั้งคำถามกับเขาคนนี้ “วัชระ ประทุมพวง” ศิษย์เก่าสาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรม คณะบริหารธุรกิจ ม.รังสิต และคำตอบที่ได้รับกลับไป เชื่อว่าจะสามารถทำหลายคนหันกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ว่า วันนี้ได้สู้ชีวิตอย่างเต็มที่ และได้นำความรู้ที่เรียนมาไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แล้วหรือยัง?

             วัชระ กล่าวว่า หลังจากที่ครอบครัวต้องสูญเสียหัวเรืออย่างคุณพ่อไป ชีวิตของทุกคนในบ้านก็เริ่มเปลี่ยน แม่ต้องรับภาระเลี้ยงลูก 4 คน ตลอดชีวิตที่เติบโตมาก็เห็นแม่ทำขนมเบื้องขายมาโดยตลอด เพราะความที่เป็นคนชอบสังเกต ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ

             นอกจากงานพิเศษที่ทำเพื่อหารายได้เพิ่มเติมแล้ว ทุกวันหลังเลิกเรียนจะไปช่วยแม่ขายขนมเบื้อง ไปเรียนรู้วิธีการละเลงแป้ง เติมไส้ ใส่ครีม เพราะกว่าจะออกมาเป็นขนมเบื้องแต่ละชิ้นคนทำต้องใส่ความตั้งใจลงไปด้วย และมากกว่านั้นคือการใส่ใจกับส่วนผสมทุกอย่างให้เป็นไปตามสูตรที่ทำกันมา

             ผ่านเวลาไป 10 ปี จากชีวิตที่แทบจะไม่เหลืออะไร ก็สามารถตั้งตัวขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยขนมเบื้อง หรือที่ลูกค้าเรียกขานกันว่า ขนมเบื้องที่อร่อยที่สุดย่าน ม.รังสิต ต้องขนมเบื้องป้าเหน่ง

             วัชระ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เรียนจบก็เคยไปสมัครงานบริษัทต่างๆ จนวันหนึ่งมานั่งคิดว่า ทำไมเราจะต้องไปหาอะไรให้ไกลจากตัวเรา ในเมื่อสิ่งที่เรามีอยู่เราทำมันเองได้ และสามารถสร้างมูลค่าต่อยอดเป็นธุรกิจได้อีกด้วย จึงปรึกษากับแม่ว่าจะลองขายขนมเบื้องดู โดยเขาเป็นคนทำและขายเองจากประสบการณ์ที่เรียนรู้จากแม่มาเกือบตลอดทั้งชีวิต หลังจากขายไประยะหนึ่งก็เริ่มมีลูกค้าประจำ ส่วนหนึ่งก็มาจากแป้งที่เราขายมาจากหม้อเดียวกันกับที่แม่ทำ

             ซึ่งสาขาแรกที่แม่ขายนั้นตั้งอยู่บริเวณหน้า ม.รังสิต หลังจากวันนั้นจึงเริ่มมาคิดว่าถ้าเราทำหน้าร้านสวยๆ มีแพ็กเกจขนมดีๆ ร้านขนมเบื้องเล็กๆ ที่เริ่มต้นจากรถเข็นก็สามารถเป็นธุรกิจขึ้นมาได้

             “ขนมเบื้องของเราไม่ต้องหรู แต่เน้นใส่ใจในคุณภาพของวัตถุดิบ ไส้ขนมทั้งหวานและเค็มต้องทำใหม่ทุกวัน และจะคงรสชาติดั้งเดิมเอาไว้เพื่อให้คนจดจำ ถ้าคิดถึงขนมเบื้องป้าเหน่ง จะมีแค่ไส้หวานและเค็มเท่านั้น หลังจากที่ขยายกิจการเปิดสาขาที่ 2 จนขายดิบขายดี เขาได้เปิดร้านขนมเบื้อง ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ขนมเบื้องป้าเหน่ง” เพิ่มอีก 3 สาขาใน จ.ปทุมธานี ซึ่งรวมเป็น 5 สาขาภายใน 1 ปี”

             เพราะความสำเร็จที่ได้มา ไม่ใช่การวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างรวดเร็ว แต่มันคือการค่อยๆ คิด ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละก้าว สุดท้ายตรงปลายทางของเส้นชัยนั้นจะคือความสำเร็จที่เราภูมิใจ เช่นเดียวกับบัณฑิตคนนี้ที่เคยถูกตั้งคำถามว่า “จบปริญญาตรีทำไมมาขายขนมเบื้อง” เขาก็แค่ทำในสิ่งที่เขารัก ใครจะคิดว่าจากร้านขายขนมเบื้องบนรถเข็นเล็กๆ วันนี้จะกลายเป็นแบรนด์และธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ