ไลฟ์สไตล์

ผจก.สสส.คนใหม่สรรหา7บอร์ดใหม่เสร็จ19ก.พ.นี้

ผจก.สสส.คนใหม่สรรหา7บอร์ดใหม่เสร็จ19ก.พ.นี้

03 ก.พ. 2559

ผู้จัดการ สสส.คนใหม่ ‘ดร.สุปรีดา’ เปิดวิสัยทัศน์ประกาศนำ สสส.สู่องค์กรสร้างเสริมสุขภาพแบบมืออาชีพชูหลักธรรมาภิบาลตรวจสอบได้ สรรหา 7บอร์ดใหม่เสร็จภายใน19ก.พ.นี้

           3ก.พ.2559 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  ดร.ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  แถลงข่าวถึงแนวทางการบริหารองค์กรภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการว่า ในยุคแรกของการทำงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. เมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา คำว่า “การสร้างเสริมสุขภาพ” ยังเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย ไม่มีต้นแบบการทำงานที่ชัดเจน หรือแม้องค์กรลักษณะใกล้เคียงกันในต่างประเทศ ก็มีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกับบริบททางสังคมไทยดังนั้น สสส.ในยุคแรกจึงเป็นยุคแห่งการแสวงหาทั้งแนวทาง และรูปแบบการทำงานสร้างเสริมสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบทไทย ซึ่งจากการสั่งสมประสบการณ์ เรียนรู้การทำงานสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย จนถึงปัจจุบันเกิดเป็นต้นแบบงานสร้างเสริมสุขภาพที่มีหลักเกณฑ์การทำงานที่สอดคล้องกับสภาพจริงของบ้านเรา ดังนั้นสสส. ในยุคต่อไปจึงเป็นยุคของการก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพด้านการสร้างเสริมสุขภาพ

           ผู้จัดการ สสส. กล่าวต่อว่า โจทย์การทำงานของ สสส.ที่ต้องให้คำตอบต่อสังคมได้รับรู้และเข้าใจใน 4 ข้อ คือ 1.เข็มทิศของเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ “ผู้สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” ที่จะต้องคมชัดเป็นระบบยิ่งขึ้น เพื่อให้สังคมเข้าใจนิยามเชิงปฏิบัติการและองค์ความรู้ต่างๆ ของ สสส. 2.พัฒนากระบวนการทำงานแบบองค์กรมืออาชีพ 3.พัฒนาวัฒนธรรมองค์กร หรือคุณค่าหลักของ สสส. ในการเป็นผู้สร้างเสริมสุขภาวะอย่างสร้างสรรค์ ที่จะต้องแปลคุณค่านี้ไปสู่แนวปฏิบัติและทักษะของบุคลากร และ 4.สร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมได้ตระหนักว่า สสส.เป็นองค์กรที่ยึดมั่นในธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดถือตลอดระยะเวลาการทำงานและถือเป็นหัวใจสำคัญที่ได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ สสส.ทุกคนว่า ต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งการประเมินผลงาน และความคุ้มค่าให้เป็นที่ประจักษ

           ดร.ทพ.สุปรีดา กล่าวอีกว่า ในส่วนที่มีการทักท้วงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน สสส.รับโจทย์ทุกอย่างและพยายามแก้ไขปรับปรุงตามที่มีการชี้แนะ และหลายเรื่องมีฐานที่มั่นคงชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะพยายามสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น โดยมีการดำเนินการแก้ไขข้อบังคับสสส.ตามกรอบเวลาที่คตร.กำหนดไว้ 3 เดือน ซึ่งสสส.ได้ดำเนินการตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบของคตร.

           ผู้จัดการสสส. กล่าวด้วยว่า สำหรับที่มีการชะลอโครงการที่ไดรับงบประมาณสนับสนุจากสสส.โดยเฉพาะในโครงการที่มีงบประมาณเกิน 5 ล้านบาทนั้น เห็นใจภาคีเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้การทำงานที่ต่อเนื่องต้องชะงัก มีคนเดือดร้อนหลายพันคน และ500 โครงการ สสส.มีการเรงกระบวนการต่างๆที่เป็นเงื่อนไขของการชะลอทุกอย่างหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ที่การพิจารณาของคตร.และกรรมการของสธ. ทราบว่ามี 50 โครงการที่ผ่านคตร.แล้วแต่รอการตรวจสอบจากสธ.

           ดร.ทพ.สุปรีดา กล่าวอีกด้วยว่า กรณีกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีรายได้บุคคลจาภภาคีที่รับงบประมาณสสส.นั้น ได้มีการหารือกับกรมสรรพากรเพื่อททำความเข้าใจในเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่ายมาอาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือบางข้อความในสัญญาระหว่างสสส.กับภาคีทำให้เกิดการเข้าใจผิด ทั้งที่ ในการทำสัญญากับภาคที่รับงบประมาณนั้น เบื้องงต้นสสส.ได้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายในส่วนที่เป็นรายได้จริงของภาคี และภาคีก็จ่ายภาษีเพิ่มหากมีรายได้เพิ่มทั้งของบุคคลและองค์กรมาตลอด

           “เงินอีกก้อนเป็นเงินที่ใช้ในการทำงานสาธารณะเพื่อสังคมคือใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งไม่ใช่รายได้ เงินไม่ได้เข้ากระเป๋าของภาคีเลย โดยสสส.จะส่งคนไปตรวจสอบ เก็บใบเสร็จมาเคลียร์ หากมีเงินเหลือหรือทำงานไม่ได้ผลเงินก็ต้องคืน และเงินส่วนนี้ก็ไม่ได้ไปผลิตของแต่ไปทำประโยชน์ให้สังคม ถือเป็นความเดือดร้อนของคนทำงานสาธารณะ”ดร.ทพ.สุปรีดากล่าว

           ดร.ทพ.สุปรีดา กล่าวด้วยว่า การสรรหากรรมการสสส.ในส่วนผู้ทรงคุณวุฒิแทนคนเดิม จำนวน 7 คนที่มมีการตั้งศ.นพ.อุดมศิลป์ สีแสงนามเป็นประธานกรรมการสรรหานั้น จะมีการเปิดรับการสมัครโดยการเสนอชื่อบุคคลและสมัครด้วยตนเองในระหว่างวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2559 โดยจะสรรหาให้ได้ 2 เท่าของจำนวนเดิม คืออย่างน้อย 14 คน เพื่อนำเข้าส่การพิจารณาของกรรมการสสส. ในวันที่ `19 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาและเสนอครม.ต่อไป

           ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการชะลอให้งบประมาณส่งผลให้สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) ต้องปิดตัวลง ดร. ทพ.สุปรีดา กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่จิงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่า สกส.เป็นองค์กรลูกที่มาฝากไว้กับ สสส. ซึ่งองค์กรนี้มีคณะกรรมการระดับชาติเป็นของตัวเอง โดยขณะนี้ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ โดยอยู่ระหว่างรอการพิจารณา หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ องค์กรนี้ก็จะพร้อมทำงานได้อีกครั้ง ขณะนี้เหมือนเป็นการหยุดรอชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งการปิดตัวชั่วคราวก็เป็นมติบอร์ด สกส.ด้วย

           ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจากนี้จะมีระบบในการแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรให้เป็นรูปธรรม ดร.ทพ.สุปรีดา กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลมาโดยตลอด นับจากนี้จะเข้มข้นขึ้นโดยจะมีการพัฒนาระบบที่เรียกว่าข้อตกลงด้านคุณธรรม ซึ่งจะทำงานกับทุกภาคส่วน หากแล้วเสร็จในอนาคตจะสามารถเปิดเผยชื่อบุคคลและองค์กรที่รับทุนสนับสนุน โครงการที่รับทุน งบประมาณที่ได้รับ โดยจะเปิดเผยในระดับที่สามารถเปิดเผยได้ตามมาตรฐานสากล