
ประกันสังคมทวงสิทธิ..ขอเท่าเทียม
ประกันสังคมทวงสิทธิ..ขอเท่าเทียม : รายงานพิเศษโดยปฏิญญา เอี่ยมตาล ทีมข่าวรายงานพิเศษ
“ไปหาหมอประกันสังคม..นั่งรอ 3 ชม. ถึงคิวตรวจใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที...ยังไม่ทันรู้เลยว่า เป็นอะไร จ่ายให้แต่ยาพาราฯ”
“เสียเงินนะ..ไม่ได้รักษาฟรี..โดนหักเงินล่วงหน้า ถูกเลือกปฏิบัติ ดูแลพวกจ่ายเงินสดแทบจะอุ้มไม่ยุติธรรมนะ...กินข้าวแกงแม่ค้ายังให้กินก่อนแล้วจ่ายทีหลัง”
“อยากได้สิทธิเท่ากับ ม.39 ผมมีกำลังจ่าย จะให้เพิ่มเท่าไหร่บอกมา”
“อยากได้ค่าทำฟันเพิ่มเป็น 1,000 บาท ปีละ 400 บาท 600 บาท มันไม่พอหรอก..”
“คนปวดฟันมันทรมานกว่าเจ็บป่วยอย่างอื่นน่าจะรีบรักษาควรทำแบบจ่ายตรงไม่ต้องสำรองเงินจ่ายก่อน ทั้งที่เงินก็เก็บไปแล้ว”
“ไม่ต้องเพิ่มลาคลอดหรอก คนใช้แรงงานจะท้องได้กี่ครั้งเต็มที่แค่ลูก 2 คน อยากให้เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรมากกว่า คนพิการยังได้ 800 บาทเลย”
“เงินบำนาญชราภาพได้คนละ 3,000 กว่าบาทต่อเดือน มันไม่พอหรอกกับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ใช้ 4-5 วันก็หมดแล้ว”
“อยากให้ขยับเพดานเงินออม ทำเป็นภาคสมัครใจคนฐานเงินเดือนสูงก็อยากจ่ายเยอะแต่ไม่ยอมขยับเพดานให้”
“อยากได้เงินทำศพที่ 4 หมื่นบาท เท่า ม.33 และ ม.39 จะให้ส่งเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็บอกมาผมยอมจ่ายมีปัญญาส่งเพื่อลูกเมียไม่ต้องเดือดร้อนไปกู้เงินมาจัดงาน”
ข้างต้นเป็นเสียงสะท้อนจากผู้ประกันตนที่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน รวมถึงกลุ่มผู้ประกันตนนอกระบบ มาตรา 39-มาตรา 40 ผู้เรียกร้องให้ปรับปรุงมาตรฐานการบริการและการรักษาพยาบาลอย่างไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงปรับเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ทัดเทียมเสมอภาคกัน
“นลิน อ่ำสวัสดิ์” แรงงานตัดเย็บเสื้อส่งออก วัย 48 ปี เปิดใจต่อทีมข่าวคม ชัด ลึก ว่า ที่ผ่านมาเวลาไปใช้บริการโรงพยาบาลประกันสังคมรู้สึกสลดใจเพราะถูกจัดแยกออกจากผู้ป่วยนอกคนอื่นๆ ที่เสียเงินเองรู้สึกเหมือนเป็นพวกอนาถานั่งรอแล้วรอเล่า รอนานหลายชั่วโมงไม่มีใครมาสนใจผิดกับผู้ป่วยที่เสียเงินเองเมื่อเดินเข้ามาเจ้าหน้าที่แทบจะเข้าไปอุ้มขึ้นเตียงเลย
“ไปหาหมอทีไรก็นั่งรอนานไม่ต่ำกว่า 3 ชม. พอถึงคิวเรียกตรวจเจอหน้าหมอยังไม่ถึง 3 นาทีก็ให้ออกมารอหน้าห้องยาไม่รู้วินิจฉัยโรคกันแบบไหน เร็วมากจนบางครั้งยังไม่รู้ตัวเองเลยว่า ตัวเองเป็นอะไรหมอมีน้อยไม่พอกับจำนวนคนที่มารอรักษาเคยนั่งจับเวลาคนป่วยนะ 1 ชม.หมอตรวจได้ 20 กว่าคน บางครั้งเกือบ 30 คน ถ้าใครป่วยหนักคงนอนรอความตายอยู่ตรงนั้นพอถึงเวลาเรียกรับยา จ่ายให้แต่ยาพาราฯ และยาสามัญประจำบ้านทั้งที่เราเสียเงินนะ หักเงินไปก่อนแล้วทุกเดือน 400 กว่าบาท บางคน 750 บาท ไม่ใช่รักษาฟรี” อลิน กล่าวในฐานะตัวแทนแรงงานคนอื่นๆ พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง
นอกจากเรื่องความล่าช้าที่กล่าวมา “ผู้ประกันตน” อยากได้ “ใบรับรองสิทธิ” ให้สามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลและอยากมีโรงพยาบาลประกันสังคมโดยเฉพาะเป็นของกองทุนประกันสังคมเองไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ
ความเห็นของนลินสอดคล้องกับ “จตุพร พิจิตรศิริ” อายุ 42 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งใน กทม. ผู้จ่ายเงินประกันสังคมมานานต่อเนื่อง 15 ปี โดนหักทุกเดือน 750 บาท ตั้งแต่จ่ายมาเคยไปรับบริการรักษาโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมเพียงไม่กี่ครั้งเนื่องจากรอนาน ไม่มีระบบระเบียบ จ่ายยาไม่ตรงกับโรคที่เป็น เจ้าหน้าที่พูดจาไม่ดี ทำเหมือนว่า ไปขอให้ช่วยเหลือ
“เกือบ 8 ปีแล้วไม่เคยไปอีกเลยเปลี่ยนไปซื้อประกันชีวิตแทน เสียเงินมากกว่าแต่คุ้มค่าและพอใจกับการบริการ เสียดายเงิน 750 บาททุกเดือน เพราะรวมกัน 1 ปีก็เท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินซื้อประกันชีวิต อยากให้รัฐปรับแก้แบบเลือกตามความสมัครใจมากกว่า ใครไม่อยากเข้ากองทุนฯ ก็ไม่ต้องบังคับ เพราะต้องเสียเงินซ้ำซ้อน" จตุพร แสดงความเห็น
ขณะที่ “ลัดดา เพชรรั่ว” สาวทำงานวัย 28 ปี ผู้ถูกหักเงินประกันสังคม ณ ที่จ่ายเดือนละ 750 บาท ตั้งคำถามว่ากองทุนประกันสังคมเอาเงินไปทำอะไรบ้าง อยากให้บอกประชาชนให้ทราบอย่างละเอียด เช่น เงินไปใช้จ่ายเป็นค่าอะไรบ้างมีสิทธิประโยชน์อย่างไรควรทำเอกสารส่งมาที่บ้านว่า เงินไปอยู่ตรงไหน ลงทุนอะไร จะได้ทราบความเคลื่อนไหว และสามารถตรวจสอบเงินของตัวเองได้เพราะเป็นเงินจำนวนมหาศาลอยากให้ประกันสังคม “ตั้งกล่องรับเรื่องราวร้องทุกข์” หันหน้ามาฟังความเห็นของประชาชนที่เสียเงินบ้าง
“สำราญ แจ่มจำรัส” วัย 60 ปี หนึ่งในผู้ประกันตนนอกระบบ มาตรา 39 อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลบริการให้เหมาะสมกับเงินที่จ่ายไม่อยากถูกมองว่า มาตรา 39 ต่ำต้อยเป็นคนที่ถูกเลือกปฏิบัติ
“ลุงเคยปวดฟันมาก แต่ไม่กล้าไปหาหมอ เพราะไม่มีเงินค่าถอนฟัน ไม่ใช่ซี่ละ 100-200 บาท ถ้าเป็นฟันคุดราคาเป็นพันบาท ก็อดทนปวดอยู่อย่างนั้นเพราะเคยไปหาหมอประกันสังคมแล้ว หมอไม่ถอนให้ บอกให้กลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่ มันเสียเวลาเสียค่ารถนะไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่รักษาทันทีเพราะการปวดฟันมันทรมานกว่าเจ็บป่วยอย่างอื่นพอตอนหลังไปใหม่หมอถอนให้ จ่ายค่าถอนฟันไป 250 บาท พออีก 2 วันผมก็เอาใบเสร็จไปเบิกที่ประกันสังคม เจ้าหน้าที่ถามว่าเอาหน้าสมุดธนาคารมาไหม ผมตอบว่า ไม่ได้เอามาเจ้าหน้าที่บอกให้กลับไปเอาพอเอามาก็บอกว่าใช้ไม่ได้ต้องเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทยเท่านั้น” ลุงสำราญเล่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมให้ข้อมูลต่อว่า
“วันนั้นเสียค่ารถเกือบ 400 บาท เพียงแค่เบิกเงินทำฟัน 250 บาทเอง สุดท้ายเจ้าหน้าที่บอกจะใช้วิธีโอนทางไปรษณีย์รอหลายวันจนกระทั่งมีบุรุษไปรษณีย์มาที่บ้าน วันนั้นไม่มีใครอยู่ พอเขาไม่เจอ ก็ต้องไปเอาที่ไปรษณีย์เองเสียเงินค่ารถอีก มันมีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้นกว่าจะได้เงินค่าทำฟันคืน 250 บาท เสียเงินเดินทางไปประกันสังคมและไปรษณีย์รวมแล้วครั้งนั้น 600 บาท มันไม่คุ้มเลยผมอยากเสนอให้จ่ายตรงค่าทำฟันไปเลย ไม่ต้องแยกออกมาเป็นคนละส่วน เหมาจ่ายแบบเดียวกัน และเพิ่มวงเงินการค่ารักษาฟันให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามจริง ไม่ต้องกำหนดว่า ต้องเป็นที่ปีละ 400 บาท หรือ 600 บาท” ลุงสำราญเสนอความเห็น
“ณีรมล สุทธิพรรณพงศ์” ผู้ประกันตนมาตรา 40 ภาคสมัครใจ เสนอว่า ขอให้แรงงานนอกระบบสิทธิเท่าเทียมกับผู้อื่น แม้ต้องจ่ายเงินเพิ่มก็ยินดี เพราะคนในระบบอยากได้อะไรนอกระบบก็อยากได้อย่างนั้นทุกคนเป็นคนเหมือนกันอยากให้มันเท่าเทียมสิ่งที่อยากได้มากตอนนี้คือ เงินสงเคราะห์บุตร ตอนนี้ได้เดือนละ 400 บาท อยากให้ปรับเพิ่ม เพราะคนพิการยังได้ 800 บาท แล้วส่วนเงินค่าทำศพถ้าเป็นแรงงานในระบบจะได้ 4 หมื่นบาท แต่ของเราได้แค่ 2 หมื่นบาท
“เวลาไปใช้บริการจัดงานศพที่วัดไหนไม่มีใครมาถามว่า คนนี้อยู่มาตรา 33 นะคิดแค่ 4 หมื่นบาท คนนี้อยู่มาตรา 40 จ่าย 2 หมื่นบาท ความจริงมันไม่มีแบบนั้นทางวัดคิดราคาเดียวกันหมดเป็นค่าใช้จ่ายคนตายเหมือนกัน และก็เรื่องเงินออมสำหรับดูแลผู้สูงอายุ อยากให้มีกองทุนเข้ามาช่วยเหลือการดูแลบุพการีของตนเองแรงงานในระบบมี แต่แรงงานนอกระบบไม่มีอยากให้มีสิทธิทั้ง 6 ข้อเท่ากันกับมาตรา 39 ซึ่งเป็นนอกระบบเหมือนกัน” ณีรมล กล่าวคาดหวังในตอนท้าย
ล่าสุด เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) จัดเวทีเสวนาทิศทางการปฏิรูปประกันสังคมปี 2559 ที่ห้องทับทิม โรงแรมรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 มีคณะกรรมการประกันสังคมเข้าร่วมรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเรียกร้อง เสนอแนะจากผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตราอย่างพร้อมเพรียง
โดย “ธีระวิทย์ วงศ์เพชร” คณะกรรมการประกันสังคม เสนอว่าการปรับปรุงพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และการเปลี่ยนไปในปัจจุบันเป็นเรื่องจำเป็น อยากให้ผู้ประกันตนทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกองทุนฯ เช่น การสมัครเป็นผู้แทนผู้ประกันตนในคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการ เพื่อช่วยกันพัฒนาระบบตรวจสอบ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลการบริหาร จัดการกองทุน
ขณะที่ “มนัส โกศล” ประธานเครือข่าย คปค.ที่เข้าร่วมประชุมกล่าวแนะนำว่า บทบาทหน้าที่สำคัญของผู้บริหารกองทุนประกันสังคมคือการเร่งเดินหน้าปฏิรูปลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มสิทธิประโยชน์ เน้นความเป็นอิสระ โปร่งใส และขยายเพดานเงินสมทบเพื่อให้ระบบมั่นคงในอนาคต
“ตอนนี้มีการเสนอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค และการคุ้มครองสิทธิอีก 12 ข้อไว้แล้ว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาอย่างเร่งด่วน”
ข้างต้นเป็นความคิดเห็นของสมาชิกที่ต้องการให้ “กองทุนประกันสังคม” เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านบริหารและบริการ หากใครสนใจอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหาร สามารถสมัครเป็นผู้แทนผู้ประกันตนในคณะกรรมการหรืออนุกรรมการได้ !
ที่สำคัญหากย้อนไปปีที่เริ่มเก็บเงินเข้ากองทุนครั้งแรก เมื่อ ปี 2534 เป็นเงินสมทบจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ตัวเลขเดือนมิถุนายน 2558 กองทุนฯมีสินทรัพย์มากถึง 1.4 ล้านล้านบาท
ดังนั้นพิจารณาจาก 12 ข้อเรียกร้องของผู้ประกันตนจึงไม่ใช้เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” !
“2559 ปฏิรูปประกันสังคม”
1.ผู้ประกันตนมีส่วนร่วม โปร่งใส ตรวจสอบได้
2.มีอิสระการบริหาร ไม่ถูกครอบงำจากกลไลรัฐ
3.หลักประกันคืนความสุขให้ประชาชน
4.บริการที่ดีและรวดเร็ว
5.รักษาพยาบาลเป็นมาตรฐาน ไม่เลือกปฏิบัติ
6.เพิ่มสิทธิประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
7.เพิ่มเงินสมทบให้สัมพันธ์กับฐานรายได้ แบบขั้นบันได
8.ปรับปรุงพัฒนาสิทธิประโยชน์ ม.39 ม.40 ให้เท่าเทียม
9.ลดความเหลื่อมล้ำ ขยายสิทธิ ม.40 สำหรับคนที่พร้อม
10.ขยายอายุสงเคราะห์บุตร เพิ่มเงินช่วยเหลือต่อเดือน
11.จ่ายเงินบำนาญชราภาพเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
12.ปรับแก้ ก.ม.ให้ทันสมัยและใช้ ก.ม.ให้ศักดิ์สิทธิ์
----------------------------
(หมายเหตุ : ที่มา : www.sso.go.th)



