ไลฟ์สไตล์

เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้

เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้

24 ม.ค. 2559

หลากมิติเวทีทัศน์ : เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้ : โดย...ประกาศ เรืองดิษฐ์ ศูนย์เผยแพร่และส่งเสริมงานพัฒนา (ผสพ.)

 
                      กลุ่มคนชายขอบที่สุดในสังคมเมืองคือ กลุ่มคนเร่ร่อนไร้บ้านใช้ชีวิตในที่สาธารณะ เหตุผลที่ทำให้เกิดภาวการณ์ไร้บ้าน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัญหาครอบครัวแตกแยก เป็นผู้มีภาวะทางจิต เป็นคนพิการ เป็นนักโทษที่พ้นออกจากคุกและไม่มีที่ไป เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุที่ไม่มีใครดูแล
 
                      ถ้าดูผิวเผินปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวส่วนตัว แต่ถ้าพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ก็จะพบว่าสาเหตุเหล่านี้มีรากฐานมาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานที่ไม่เป็นธรรม แรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจ และรัฐไม่มีมาตรการหรือนโยบายด้านสวัสดิการสังคม ที่เอื้อต่อการที่จะดูแลผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้
 
                      วันชัย บุญประชา ผู้ประสานงานโครงการส่งเสริมความเข้มแข็งภาคประชาสังคมเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาวะในสังคมไทย กล่าวถึงกิจกรรม "เปิดบ้านคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้" ว่า การมาร่วมเรียนรู้ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า ภาคประชาสังคม “CSO” ย่อมาจาก Civil Society Organization เป็นองค์กรทำงานด้านการพัฒนาภาคประชาสังคม ใครๆ ก็เป็นได้ ทุกคนที่เป็นประชาชน ที่มีจิตใจมีความมุ่งมั่นเดียวกัน ตั้งใจทำให้สังคมดีขึ้น และออกมาร่วมมือกันทำ ก็เป็นประชาสังคม
 
                      “การเปิดบ้าน...คนไร้บ้าน เป็นการยกตัวอย่าง ว่านี่คือตัวอย่างภาคประชาสังคม เพื่อให้เห็นว่า แม้ขนาดคนไร้บ้าน ที่พวกเราเห็นอยู่ตามท้องถนน เราก็ยังรู้สึกว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของภาคประชาสังคม ถ้าประชาชนเรานิ่งดูดาย ปล่อยให้กลไกของราชการดูแล เขาก็ต้องทำงานเพียงฝ่ายเดียว ประเทศจะเกิดปัญหาแน่ ฉะนั้นการรวมกลุ่มเป็นภาคประชาสังคม จึงกลายเป็นกลไกสำคัญของประเทศ เรามาที่ศูนย์พักคนไร้บ้าน สุวิทย์ วัดหนู ครั้งนี้ จึงมาเรียนรู้ร่วมกัน ว่าทำไมถึงเกิดศูนย์พักคนไร้บ้าน เรียนรู้ตัวอย่างความเข้มแข็ง ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่ตั้งใจทำเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องจนเกิดผล”
 
                      สาเหตุหลักๆ ของคนไร้บ้านคือเศรษฐกิจ เมื่อประสบปัญหาภัยแล้งอย่างนี้ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ผลผลิตราคาไม่ดี จึงมีบางคนเป็นคนไร้บ้านเฉพาะกิจ ซึ่ง “คนไร้บ้าน” ถูกนิยามว่า เป็นคนที่เข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัยจริงๆ ไม่สามารถที่จะมีที่หลบแดด หลบฝน ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ไม่มีเพื่อนฝูงให้อยู่ด้วย สังคมรังเกียจ ทั้งสังคมในบ้าน สังคมส่วนรวม
 
                      “อี๊ด คนไร้บ้าน” หรือ ธเนศ จรโณทัย เปิดเผยถึงสาเหตุที่ออกมาใช้ชีวิตเป็นคนไร้บ้านว่า มาจากครอบครัวใหญ่ ลูกหลายคน เป็นโสดอยู่คนเดียวและมีโรคประจำตัว เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตจึงไม่อยากเป็นภาระของใคร อยู่ในบ้านบางทีก็ปวดหัวมึนหัว เป็นความดัน ดูเหมือนว่าขี้เกียจ จึงออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ
 
 
เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้
 
 
                      “ถ้าสังคมไม่รับแล้วเราก็ต้องโดดเดี่ยว ก็ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากเล่าชีวิต เล่าไปแล้วไม่มีเครดิต คำว่าคนไร้บ้านไม่มีใครเขาให้เครดิต ทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ให้เครดิต สุขภาวะต่างๆ สุขภาพการอยู่ข้างนอกมันตายง่าย ตายเร็ว คนเราถ้าไม่มีเงินในกระเป๋าภาพก็ไม่ดี”
 
                      พี่อี๊ด คนไร้บ้าน เล่าถึงปัญหาของคนไร้บ้านเมื่อออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะเป็นเวลานานๆ จึงทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร บางครั้งถูกกดดันจากรัฐบาล ด้วยมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลไม่อยากให้คนจนรกหูรกตา ทำให้คนไร้บ้านบางคนต้องหนีไปนอนไกลถึงสถานีรถไฟโคราช เก็บของเก่าคืออาชีพที่คนไร้บ้านนึกถึงมากที่สุด ถังขยะคือแหล่งอาหารของคนไร้บ้านที่ผู้คนทิ้งขวดน้ำเอาไว้ ทิ้งขนมเอาไว้ก่อนจะจากไป เมื่อพบก็ต้องกินประทังชีวิต แต่เมื่อกินเข้าไปก็หารู้ไม่ว่ามันคือแหล่งโรค จึงมีบางคนเสียชีวิตเพราะแบคทีเรีย กลายเป็นศพไร้ญาติไร้บ้าน
 
                      อ.อัจฉรา รักยุติธรรม นักวิชาการจากภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาศิลปากร เห็นว่า คนไร้บ้านเป็นปัญหาของสังคมเมือง แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ สาเหตุคนไร้บ้านในต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจเกิดวิกฤติ อัตราคนไร้บ้านจะสูงขึ้น เพราะเขาไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัย อยู่ตามบ้านเพื่อนก็นับว่าเป็นคนไร้บ้าน ซึ่งก็ยังเป็นข้อถกเถียงเรื่องนิยามว่าจะนับเป็นคนไร้บ้านหรือไม่?
 
                      อีกสาเหตุหนึ่งคือ ภัยธรรมชาติ ในหลายประเทศก็นับว่าเป็นคนไร้บ้าน เพราะรัฐต้องจัดสวัสดิการดูแลในระยะสั้นและระยะยาว เช่นแผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม พายุ คนไร้บ้านในต่างประเทศกับในประเทศไทยจึงต่างกัน
 
                      “ในเมืองไทย เรามีหน่วยงานที่ทำกับคนไร้บ้านอยู่จำนวนหนึ่ง แต่นิยามเรายังไม่ตรงกัน เรามีหน่วยงานภาคเอกชน 3 หน่วยงาน คือ มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิอิสรชน หน่วยราชการมี สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) มี บ้านมิตรไมตรี ตอนนี้ชื่อ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาได้ทำงานกับคนไร้บ้านโดยเฉพาะ อยู่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) มี บ้านอิ่มใจ ของกทม. และยังมีหน่วยงานที่อยู่ในระบบสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านพักคนชรา เรามีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เรามีบ้านคุ้มครองเด็ก คุ้มครองสตรี เหล่านี้ ถ้านับ เราก็มีหน่วยงานที่ทำกับคนไร้บ้านจำนวนมาก แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่านั่นคือคนไร้บ้าน”
 
                      เมื่อชีวิตออกมาเป็นคนไร้บ้านแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันก็มีความยากลำบาก ไม่มีที่อาบน้ำ ไม่มีที่นอน ไม่มีที่ซักผ้า ต้องแอบอาบน้ำซักผ้าตามที่สาธารณะ ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงจากเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้คนไร้บ้านส่วนมากไม่มีบัตรประชาชน จึงไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานจากรัฐ เช่น บริการด้านการแพทย์ หรือถ้าถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกละเมิดสิทธิในรูปแบบใดๆ พวกเขาไม่สามารถแจ้งความต่อตำรวจได้ ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของการแก้ปัญหาจึงเป็นทัศนคติของสังคมและเจ้าหน้าที่รัฐในด้านลบ รวมถึงการที่รัฐบาลขาดนโยบายที่เหมาะสมในการรับมือกับปัญหาคนไร้บ้าน
 
 
เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้
 
 
                      นพพรรณ พรหมศรี เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) อธิบายการทำงานกับคนไร้บ้านว่าเริ่มต้นจากงานชุมชนแออัดที่ทำอยู่ คือชุมชนรางรถไฟ ที่นั่นเขาก็มีการบริจาคศูนย์ชุมชนให้เป็นที่นอนของคนไร้บ้าน มีหลายๆ กลุ่มช่วยกันหาที่ว่ามีที่ตรงไหนบ้างที่ว่างอยู่ พบว่ามีพื้นที่ว่างที่ตลิ่งชันจึงทำเป็นศูนย์เล็กๆ ทดลองการไปอยู่ร่วม จนถึงวันนี้ ช่วยกันทำ คนไร้บ้านก็ช่วยกันสร้าง
 
                      “เดิมคนไร้บ้านก็อยู่กันแบบปัจเจก นอนทั่วไปตามที่สาธารณะ ไม่มีความสัมพันธ์แบบกลุ่มกันเท่าไหร่ เมื่ออยู่ด้วยกันจะสร้างสรรค์งานพัฒนาอื่นๆ ได้อีกไหม ก็ต้องทดลอง ตอนเริ่มทดลองอยู่ช่วงประมาณปี 2547 ตอนนั้นยังเป็นกลุ่มเล็กๆ อยู่ หลังจากทดลองจนมั่นใจว่าเมื่อเขารวมกันเขาจะสามารถแก้ปัญหาได้และไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เราก็เสนอกับรัฐบาลว่า ของบประมาณมาสร้างที่นี่ สร้างเสร็จปี 2551 โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์พักคนไร้บ้านสุวิทย์ วัดหนู บนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ใกล้สถานีรถไฟจรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย ทำเป็นศูนย์พักพิง”
 
                      จากบทเรียนในการสร้างและบริหารจัดการศูนย์พักของคนไร้บ้านด้วยตนเอง ทำให้กลุ่มคนไร้บ้านมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เห็นศักยภาพและความสามารถของตนเอง มีกิจกรรมการปลูกผักในแปลงรวม การทำร้านค้ากลุ่ม การขายของเก่าร่วมกัน การสร้างทีมรับจ้างก่อสร้าง รวมถึงการดูแลสมาชิกกลุ่มและการเอื้ออำนวยให้คนไร้บ้านได้เข้าถึงการมีบัตรประชาชน ซึ่งทำให้เข้าถึงสวัสดิการด้านอื่นๆ ของรัฐได้โดยตรง
 
                      สำหรับคนไร้บ้านแล้ว กิจกรรมสร้างศักยภาพทั้งหลายช่วยสร้างความรู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่า จนกลายเป็นความเชื่อมั่นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะฝันถึงการมีบ้านและชุมชนใหม่ของตนเองในอนาคต การรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือการสร้างตัวตนของคนชายขอบให้มีพื้นที่ทางสังคม การช่วยเหลือเอื้ออาทร ความไว้ใจกัน เป็นการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างคนไร้บ้านที่ผ่านประสบการณ์การถูกทอดทิ้งจากครอบครัว ชุมชน สังคม เป็นการสร้างพลังในการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีความหวังในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
 
 
 
 
----------------------
 
(หลากมิติเวทีทัศน์ : เปิดโลกคนไร้บ้าน We Are CSO ใครๆ ก็เป็นได้ : โดย...ประกาศ เรืองดิษฐ์ ศูนย์เผยแพร่และส่งเสริมงานพัฒนา (ผสพ.))