
ไทยร่วมญี่ปุ่นฝึกช่างฝีมือตลอด3ปีรับค่าตอบแทน5หมื่น/เดือน
ไทยร่วมญี่ปุ่นฝึกช่างฝีมือตลอด3ปีรับค่าตอบแทน5หมื่น/เดือน : ธีรพล ขุนเมือง โฆษกกระทรวงแรงงานเรื่อง สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สป.รง.ภาพ
ช่วงกลางเดือนมกราคม 2559 พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ไปเยี่ยมชมบริษัท เบสเท็กซ์ เคียวเออิ จำกัด ที่จังหวัดไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่น โดยนายซาดากิ ทานากะ ประธานบริษัท เบสเท็กซ์ เคียวเออิ จำกัด พร้อมผู้บริหารต้อนรับ โดยบริษัทเบสเท็กซ์ได้รับแรงงานไทยจำนวน 50 คน เข้าฝึกช่างฝีมือ ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของฮอนด้าเพื่อส่งไปทั่วโลก รวมทั้งโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
สำหรับแรงงานไทยที่ฝึกในบริษัท เบสเท็กซ์ เคียวเออิ จำกัด ขณะที่ฝึกช่างฝีมือก็จะได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนไปด้วย ตลอดระยะเวลาการฝึกช่างฝีมือ 3 ปี นอกจากนี้ เมื่อผ่านการฝึกและมีฝีมือได้ระดับหนึ่งแล้ว จะได้รับการบรรจุให้ทำงานในบริษัท เบสเท็กซ์ (ไทยแลนด์) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
พล.อ.ศิริชัย ได้แจ้งให้นายซาดากิ และผู้บริหารเบสเท็กซ์ ทราบว่า “ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศ จึงได้ระดมพลังทรัพยากรมนุษย์ให้ร่วมมือกัน รวมทั้งขอความร่วมมือมิตรประเทศให้ช่วยพัฒนาระดับฝีมือ รวมทั้งรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย เบสเท็กซ์ เป็นบริษัทหนึ่งที่สนับสนุนแรงงานไทยมาตลอด ขณะนี้ประเทศไทยมีโครงการในการยกระดับมาตรฐานฝีมือให้แก่แรงงานในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี(กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม) โดยไทยเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน”
ไม่เพียงเท่านั้น การฝึกงานของแรงงานไทย ในโรงงานเบสเท็กซ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งใช้เทคโนโลยีแทนคน ผู้ฝึกงานเป็นเพียงผู้ตรวจสอบเป็นหลักเท่านั้น ผู้ฝึกงานเหล่านี้ เมื่อครบกำหนดกลับประเทศไทย หากมีระดับฝีมือผ่านมาตรฐาน จะได้รับการบรรจุเข้าทำงานในบริษัทในเครือเบสเท็กซ์ ทันที โดยในระหว่างฝึกงานได้รับค่าตอบแทน 35,000–50,000 บาทต่อเดือน พร้อมสวัสดิการอีกด้วย และจะได้รับเงินเพิ่มจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ฝึกงาน 1 ปี ได้รับเพิ่ม 1,000 บาท ฝึกงาน 3 ปี ได้รับเพิ่ม 3,000 บาท จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่เป็นโอกาสสำหรับเยาวชนไทยที่รักทางสายวิชาชีพ ทางช่างต่างๆ สามารถเตรียมตัวตั้งแต่ต้น เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองไปเพิ่มทักษะฝีมือที่ญี่ปุ่นได้
เหนืออื่นใด การรับสมัครคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรมเพื่อจัดส่งไปฝึกปฏิบัติงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะดำเนินการผ่านทางมูลนิธิเพื่อสาธารณประโยชน์ องค์กรพัฒนาแรงงานระดับนานาชาติ ประเทศญี่ปุ่น (Public Interest Foundation, International Manpower Development Organization, Japan : IM Japan หรือเรียกโดยย่อว่า ไอเอ็ม ประเทศญี่ปุ่น) ทั้งนี้ คุณลักษณะอาชีพและประเภทงาน ไอเอ็ม ประเทศญี่ปุ่น จะแจ้งลักษณะ ประเภทงาน และจำนวนผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคที่ต้องการในแต่ละรุ่น ตามความประสงค์ของสถานประกอบการต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการรับผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิค เพื่อให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เป็นผู้พิจารณาดำเนินการคัดเลือก ตามบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงระหว่างกรมการจัดหางานกับมูลนิธิเพื่อสาธารณประโยชน์ องค์กรพัฒนาแรงงานระดับนานาชาติ ประเทศญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “ไอเอ็ม ประเทศญี่ปุ่น” ได้ให้การสนับสนุนการฝึกงานของช่วงฝีมือไทยมาเป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันมีช่างฝีมือไทยที่ผ่านการฝึกงานดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 3,644 คน และจะขยายการฝึกงานไปจนถึงขั้นเทคนิคระดับสูงอีกด้วย
ประธานไอเอ็ม ประเทศญี่ปุ่น นายเคียวเออิ ยานางิ ซาวะ แจ้งเพิ่มเติมว่า “องค์กรรับผู้ฝึกงาน กำลังปรับปรุงกฎหมายรับผู้ฝึกงาน จาก 3 ปี เป็น 5 ปี แต่มีเงื่อนไข ผู้ฝึกงานปีที่ 3 จะฝึกงานปีที่ 4-5 ได้ จะต้องผ่านเกณฑ์ประเมินผลระดับฝีมือและมีความประพฤติดีด้วย ซึ่งกฎหมายนี้อยู่ในสภาแล้วด้วย”
ในโอกาสนี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เสนอแนะให้ ไอเอ็ม ประเทศญี่ปุ่น สนับสนุนการจัดตั้งสมาคม/ชมรมผู้ผ่านการฝึกจากญี่ปุ่น เพื่อจะได้ดูแล ติดตามผล รวมทั้งพัฒนาแรงงานรุ่นต่อๆ ไปให้เข้มแข็งมากขึ้น และขอความร่วมมือในการออกใบประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานการฝึก รวมทั้งจัดหาตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมให้ผู้ฝึกงานให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้เป็นความจำเป็นของประเทศไทยในการสร้างผู้ปฏิบัติงานระดับฝีมือ เพื่อรองรับงานโครงการใหญ่ๆ เช่น รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง จึงขอความร่วมมือในการสนับสนุนการยกระดับในการพัฒนาฝีมือแรงงานของไทยที่ญี่ปุ่นได้จัดตั้งศูนย์ฯ ด้วยการยกระดับการฝึกทางเทคนิคให้สูงขึ้น โดยจะให้เป็นศูนย์กลางของประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย
นักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่สนใจเพิ่มทักษะฝีมือที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องสำเร็จการศึกษาระดับชั้น ม.6 หรือ ปวช. และปวส. อายุตั้งแต่ 20 ปีไม่เกิน 30 ปี สามารถสอบถามสายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน นี่คืออีกก้าวของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนาศักยภาพและพัฒนาขีดความความสามารถของแรงงานไทย ให้ทัดเทียมนานาชาติ



