ข่าว

'ดีเอสไอ' พบพฤติกรรมบิ๊ก GGC เอี่ยวการซื้อน้ำมันทิพย์ ปตท.เสียหาย 600 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบพฤติกรรมผู้บริหาร GGC ส่อเอี่ยวขบวนการซื้อน้ำมันทิพย์ทำให้ ปตท. เสียหายร่วม 600 ล้านบาท อาจกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ระบุมีการปกปิดข้อมูลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือกัน

 

ผลการสอบสวนตามคำร้องของนายสยามราช ผ่องสกุล ผู้มีส่วนได้เสียและเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอล กรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ซึ่งมีการแต่งตั้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิดเกี่ยวกับพฤติกรรมความไม่ชอบมาพากลในการทำธุรกิจ พบความผิดปกติเบื้องต้น 3 เรื่องหลัก และอาจทำให้ ปตท.เสียหายร่วม 600 ล้านบาท

 

 

เรื่องแรก พบว่ามีการแทรกแซง ครอบงำองค์กร และเข้าข่ายการฮั้วหรือสมยอมราคาในการกำหนดราคาน้ำมัน B100 การยินยอมลดราคาน้ำมัน B 100 การกดดันผู้ค้ารายอื่นยินยอมขาย B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน ทำให้ PTTOR ได้กำไรจากส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมาก 

 

 

เรื่องที่สอง ผู้บริหารของบริษัท ไทยโอลีโอเคมี จำกัด (TOL) (บริษัท GGC ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ) และเจ้าหน้าที่อาจร่วมกันกระทำความผิดกับบริษัทเอกชน และร่วมกันปกปิดการกระทำความผิด (ระหว่างปี 2550 – 2552) ปรากฏหลักฐานรายงาน/บันทึกข้อความเรื่อง การจัดซื้อวัตถุดิบ และการขายผลิตภัณฑ์ในปี 2550 – มี.ค. 2552 ของบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 5 พ.ค. 2552

 

 

ทั้งนี้ พบว่ามีผลขาดทุนจากการซื้อวัตถุดิบที่มีราคาสูงกว่าราคาประกาศกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 172 ล้านบาท มีการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 142 ล้านบาท รวมผลขาดทุนประมาณ 314 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าผู้บริหารของ GGC กับบริษัทเอกชน อาจเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยทำผิดเมื่อปี 2550 – 2552 

 

 

เรื่องที่สาม ปตท. ร่วมกับ GGC จ่ายเงินค่าน้ำมันทิพย์ หรือน้ำมันล่องหนหลายร้อยล้านบาท โดยไม่มีการส่งสินค้า ระหว่างเดือน มี.ค. 2561 ถึงเดือน พ.ค. 2561 ซึ่งพบว่ามีการทำสัญญาซื้อขายน้ำมันน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในเดือน มี.ค. 2561 มีการวางบิลช่วงเดือน เม.ย. 2561 ครบกำหนดจ่ายเงินเดือน พ.ค.2561 ปรากฏว่า ไม่ได้ส่งน้ำมันให้ เนื่องจากคุณภาพของสินค้าไม่ได้มาตรฐาน  

 

 

พนักงานสอบสวนระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ บริษัท ปตท.ได้รับความเสียหาย และอาจมีการกระทำเช่นว่านี้หลายครั้งหลายหน และอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงหรือไม่

 

 

นอกจากนั้นกรณีที่มีการจ่ายเงินโดยไม่มีการส่งสินค้า มีการปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 อีกด้วย และปัจจุบันผู้บริหารบางส่วนพยายามร่วมกันปกปิดการกระทำความผิด ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้ต้องได้รับโทษ และปกปิดข้อเท็จจริงผู้ถือหุ้น ซึ่งส่อเป็นความผิดตามกฎหมาย

 

 

แหล่งข่าวใน ปตท. เปิดเผยว่า ในเรื่องดังกล่าวมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งเพื่อตัดตอนคดีอาญา ซึ่งในกรณีนี้การกระทำความผิดทางอาญาได้เกิดขึ้นแล้ว และเป็นความผิดสำเร็จแล้ว การฟ้องร้องในคดีแพ่งไม่อาจทำให้คดีอาญาระงับได้ 

 

 

อีกทั้งระหว่างปี 2560 -2562 มีการกระทำในลักษณะเช่นว่านี้อีกหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งอาจทำให้ ปตท. ได้รับความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมว่าผู้บริหารในปัจจุบันมีใครมีความเกี่ยวพันกับพฤติการณ์ดังกล่าวหรือไม่ หรือมีการกระทำใดๆ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ GGC และผู้บริหาร GGC หรือไม่ 

 

 

สำหรับการร้องเรียนในครั้งนี้มีการทำหนังสือถึงประธานบอร์ด ปตท. และประธานบอร์ด PTTOR ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบ ขอให้ความสะดวก และให้ความร่วมมือแก่ดีเอสไอ, ก.ล.ต. และหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิด ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน ห้ามเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในเรื่องที่ถูกกล่าวหา และดำเนินคดีกับผู้บริหาร PTTOR และ GGC 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ