ข่าว

7​ พรรคใหญ่งัด​ 'นโยบายนวัตกรรม'​ สู้ศึก​ 'เลือกตั้ง66'​

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

7​ พรรคใหญ่งัด​ 'นโยบายนวัตกรรม'​ สู้ศึก​ 'เลือกตั้ง66'​  ภาพรวมนโยบายเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน​ ลดค่าใช้จ่ายประเทศ​ ดัน​เศรษฐกิจ​ให้เติบโต​

ในรอบ 10​ ปีที่ประเทศไทยกำลังจะเกิดการ​ "เลือกตั้ง" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร​ หรือ​ ส.ส.​ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย​ การหาเสียงจึงเป็นไปอย่างเข้มข้น​ แต่ละพรรคงัดนโยบายเพื่อแย่งชิงอำนาจ​ ล่าสุดขึ้นดวนกันบนเวทีเสวนาอนาคตประเทศไทย หัวข้อ​ "นวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทย"​ จัดโดยเครือเ​นชั่น​ กรุ๊ป

เวทีเสวนานวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทย

 

 

 

เริ่มต้นด้วย​พรรคแรก​ "พรรคชาติไทยพัฒนา" โดย​ "ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน" กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ เสนอว่า จากรายงานปี 2019 ระบุว่า ไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจก  372 ล้านตัน ตรึงก๊าซเรือนกระจก 92 ล้านตัน และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 280 ล้านตัน นี่คือโจทย์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะต้องแก้ไข ก๊าซเรือนกระจกวันนี้เป็นอันตราย​ 

 

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน

 

ดังนั้น ประเทศใดก็ตามที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องจ่ายเงิน และประเทศใดที่ลดหรือตรึงก๊าซเรือนกระจกจะได้เงิน​ ผ่านนวัตกรรมคาร์บอนเครดิต​ ด้วยการตั้ง​  "ศูนย์เอเชีย-แปซิฟิก คาร์บอนเครดิต"

 

 

ศูนย์นี้​จะทำงาน 4 เรื่องสำคัญ คือการวัด ประเมิน และรับรองมาตรฐานคาร์บอนเครดิต ซึ่งการวัดในระดับเธียร์สามระดับที่สูงที่สุดในโลก ณ เวลานี้ คือ การวัดคาร์บอนเครดิตด้วยดาวเทียมที่สามารถวัดต้นไม้ได้ทุกชนิด ทุกต้น และทุกแปลงได้ตลอดทั้งปี

 

 

การวัดในภาคพื้นดินด้วยการตั้งเสาสัญญาณที่จะสามารถวัดคาร์บอนเน็ตได้ตลอดเวลารวมทั้งคาร์บอนที่อยู่ในดินด้วย 

การนำผลการวัดจากดาวเทียมและเสาสัญญาณดังกล่าวมาเปรียบเทียบกัน และคำนวณด้วยต้นแบบทางคณิตศาสตร์ที่จะทำให้สามารถได้ค่าคาร์บอนเน็ตที่มีความแม่นยำ แน่นอน ละเอียดและต่อเนื่องซึ่งเป็นการวัดตามมาตรฐานที่โลกรับรอง

 

 
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

ต่อด้วย​ "พรรคพลังประชารัฐ"  โดย​ "นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า เราต้องเชื่อมประเทศไทยสู่เวทีการค้าโลกให้ได้ เพราะประเทศที่มีรายได้สูง จะมีการนำนวัตกรรมมาใช้ในการทำธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 40 ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

 

 

อย่างไรก็ตาม จะพยายามแก้ไขอยู่ ขณะเดียวกันเรื่องดิจิทัลเทคโนโลยี เราอยู่ในลำดับที่ 20 แต่เมื่อนำหลายหัวข้อที่ใช้ประเมินมารวมกันทำให้เราอยู่ในลำดับที่ 40​ เรามองว่าจะใช้ "เอไอ บิ๊กดาต้า" และไอโอที มาใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะสมาร์ทซิตี้ กระจายความเจริญให้ครบทุกภาค เพื่อให้เกิดธุรกิจสตาร์ตอัปใหม่ๆ ขึ้นมา

 

 

การใช้นวัตกรรมเราต้องมอง 4 เรื่อง 1.สร้างรากฐานวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตให้ดี 2.ขับเคลื่อนนโยบายให้มีการนำนวัตกรรมมาใช้ให้มากที่สุด 3.ผลักดันมาตรการให้ขยายวงกว้างมากขึ้น ส่งเสริมภาคธุรกิจให้มีการแข่งขันในต่างประเทศ 4.เชื่อมโยงกับพันธมิตรทั่วโลก

 

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

 

สำหรับ​ "พรรคก้าวไกล​" โดย "นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" รองเลขาธิการฝ่ายพัฒนาระบบข้อมูล และดิจิทัล​ กล่าวว่า หากพรรคได้เป็นรัฐบาลจะสรรค์สร้างอุตสาหกรรมใหม่ได้ในอนาคต คือ อุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาด สร้างชีวิต สร้างงาน สร้างอนาคต​ โดยนโยบายนี้จับต้องได้จริง จากการที่พรรคก้าวไกลลงไปทำงานกับคณะก้าวหน้า ที่เทศบาลตำบลอาดสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ประชากรราว 4,000 คน มิเตอร์ราว 1,400 มิเตอร์​ ได้มีน้ำประปาสะอาดดื่มได้​ และอำนวยความสะดวกด้วยระบบการจ่ายค่าน้ำออนไลน์​ สามารถลดต้นทุนทางเศรษฐกิจได้ถึง​ 1.4 ล้านบาทต่อปี และหากนโยบายนี้ทำได้ทุกตำบลทั่วประเทศ​  จะลดต้นทุนทางเศรษฐกิจถึง​ 2.8​ แสนล้านบาทต่อปี​

 

 

 

มีผู้ใช้น้ำนับตามหัวมิเตอร์ราว 1,400 มิเตอร์​ เราพัฒนาระบบการจ่ายค่าน้ำออนไลน์ เป็นการลดต้นทุนเศรษฐกิจ โดยในส่วนนโยบายน้ำประปาสะอาดดื่มได้ เทศบาลตำบลอาดสามารถ พบว่า ลดค่าใช้จ่าย 1.4 ล้านบาท/ปี นี่เพียงแค่ 1 เทศบาล

 

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

 

ไปต่อ​ที่​ "พรรคเพื่อไทย" โดย​ "นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช"  ประธานคณะทำงานนโยบาย​ระบุว่า​ ทางพรรคจะใช้แนวคิดของยุโรป คือ พัฒนา+ประยุกต์ และความคิดริเริ่ม+เทคโนโลยี หากทำได้ตามแนวคิดนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตได้

 

 

ในด้านของนวัตกรรมอาหาร เรามีการเกษตรที่แข็งแกร่ง เรามีอาหารไทย ดังนั้นนวัตกรรมอาหารไทยจึงต้องถูกส่งเสริมบ้านเรามีความหลากหลายทางชีวภาพ เรามีสมุนไพรที่หลากหลาย มีความรู้ เราสามารถผลิตยาเองได้ เราทำได้เองหลายพันตำรับ เรื่องนี้ก็คือจุดเด่นด้านนวัตกรรมของไทยที่สามารถเดินต่อไปได้เอง ด้วยต้นทุนที่เรามี​ ทั้งยังเชื่อว่าเศรษฐกิจจะสามารถเติบโตได้อีกจาก 2.5 เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า

 

 

เราต้องส่งเสริม Digital Economy ควบคู่ไปกับ Innovation เพื่อสร้างงาน สร้างคน โดยพรรคเพื่อไทยมีนโยบาย​ ดังนี้ ยกระดับ 30 บาทบริการสุขภาพ​ ยกระดับการศึกษา Learn To Earn เรียนรู้เพื่อรายได้ เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต จบปริญญาตั้งแต่อายุ 18​ ลดความเหลื่อมล้ำโดย Free WiFi , 1 Tablet per Child/ Per Teacher  1 ตำบล 1 IT Man  Digital OTOP (E-Commerce)  Digital Government สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้​ Block Chain Technology ยกระดับ และสร้างเศรษฐกิจ

 

 

นอกจากนี้​ ยังมีนโยบาย เขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) จากทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งประกอบด้วย​ ส่งเสริมการวิจัย นวัตกรรม สร้างบุคลากร​ เชื่อมโยงการพัฒนาธุรกิจ​ ขจัดข้อจำกัดทางกฎหมายกระบวนการรัฐอุปสรรค​ ดึงดูดการลงทุนในประเทศ-ต่างประเทศ​ บรรยากาศด้านสิ่งแวดล้อม เดินทางสะดวก ขนส่งง่าย สื่อสารได้ตลอด​ นำร่อง 4 จังหวัด ที่มีมหาวิทยาลัย-ศักยภาพพื้นฐานแล้ว เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ (สงขลา)

 

 

นายอรรถวิชช์​ สุวรรณภักดี

​"พรรคชาติพัฒนากล้า" โดย​ "นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" รองหัวหน้าพรรค​ ชูแนวคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขัน สร้างโอกาส แต่เน้นเรื่องโอกาสความเสมอภาค ไม่ว่าจะรวยหรือจน สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันได้ จึงนำเสนอ "นวัตกรรมสร้างโอกาส" 2 เรื่องสำคัญ

 

 

 

เรื่องแรก คือ "ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบที่เดียว" เช่น​ จะขออนุญาตเปิดกิจการโรงแรม​ ให้ดำเนินการที่หน่อยงานเดียวจบทุกขั้นตอน แล้วสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านแอพพลิเคชัน นวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมให้การบริการภาครัฐสะดวกรวดเร็วขึ้น สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น สร้างการลงทุนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น

 

 

 

ส่วนในกรณีนโยบาย "ยกเลิก" แบล็กลิสต์ "นายอรรถวิชช์" บอกว่า นวัตกรรมนโยบายเพื่อสร้างโอกาสให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วยการใช้ "เครดิตสกอริ่ง" นำข้อมูลการเงินทุกอย่างของบุคคล ทั้งการจ่ายหนี้ เงินเข้าเงินออกบัญชี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ มาคิดเป็นคะแนนสินเชื่อ ใครได้คะแนนมาก กู้ได้มากดอกเบี้ยต่ำ ใครได้คะแนนน้อย กู้ได้น้อยดอกเบี้ยสูง

 

นายเกียรติ สิทธีอมร

 

ส่วนนโยบาย​ "พรรคประชาธิปัตย์" นำเสนอโดย​ "นายเกียรติ สิทธีอมร" คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ระบุว่านวัตกรรมทางความคิดเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ไม่ควรต่อว่าอดีต แต่ต้องพูดถึงเรื่องอนาคตเพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศ

 

 

 

นโยบายหลักคือ นวัตกรรมทางความคิดซึ่งต้องปรับ  2 เรื่อง คือระบบราชการและกฎหมาย ซึ่งรัฐต้องไม่แข่งกับเอกชน ปรับความคิดและทัศนคติ รัฐและเอกชนควรร่วมกันในการพัฒนา พร้อมเผยแพร่ศักยภาพและความถนัดของประเทศ ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบทางด้านการเกษตร ควรเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ และสนับสนุนเทคโนโลยีที่เข้ากับความถนัดของประเทศ

 

 

 

และในเรื่องนวัตกรรมจริงๆ ที่เป็นเครื่องมือจะมีการจัดสรรงบเรื่องงานวิจัย สนับสนุนเรื่องที่เหมาะกับศักยภาพของประเทศ ต้องเป็นเรื่องที่เราเก่ง และเพื่อการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งแต่ละจังหวัดของประเทศไทยมีจุดเด่นและมีศักยภาพที่ต่างกัน การใช้นวัตกรรมที่เหมาะกับจุดเด่นของแต่ละที่จึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี

ปิดท้ายด้วย "พรรคไทยสร้างไทย" โดย​ "นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" รองหัวหน้าพรรคและประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็นเป็นครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศอย่างจริงจังที่ขาดไม่ได้ ซึ่งมี​ 3​ เรื่องหลักสำคัญที่จะต้องผลักดัน คือ 1.ผลิตภัณฑ์ ที่ต้องคิดโปรดักส์ใหม่ๆ ตลอดเวลา 2.บริการ และ 3.กระบวนการ  เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะต้องเดินไป นวัตกรรมเป็นทางเดียวที่ทำให้เอสเอ็มอีมีความเข้มแข็ง โดยทางพรรคมีนโยบายเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนนวัตกรรม โดยให้บริษัทใหญ่ลงทุนให้กับเอสเอ็มอี โดยเราต้องปรับตัวชี้วัดให้มุ่งไปที่เอสเอ็มอีเพื่อทำให้บริษัทเล็กสามารถแข่งขันได้

 

 

 

ต้องเข้าไปช่วยจ่ายเงินทุน ลดเงินทุน โดยนำภาครัฐ และเอกชนมาขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเดินไปด้วยกัน

 

 

 

สำหรับแนวทางการนำนวัตกรรมของนักเรียน นักศึกษา มาใช้นั้น ต้องมีวิธีการ มีกองทุนมาสนับสนุนแต่ตอนนี้ไม่มีองค์กรใดที่ผลักดันอย่างชัดเจน เราไม่มีเงินทุนมาสนับสนุน พรรคไทยสร้างไทยเรามีนโยบายกองทุนนวัตกรรม โดยจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี เอกชนคอยสนับสนุนด้านเงินทุน และรัฐเข้ามาสนับสนุน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ