ข่าว

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดมุมมองมหากาพย์โครงการ "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" ผ่านเวทีเสวนา ระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เชื่อ เชื่อมความหวัง พลิกฟื้นเศรษฐกิจแดนใต้  

ผู้สื่อข่าวรายงานวาน แนวคิดการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย – แผ่นดินใหญ่ กลายเป็นมหากาพย์ เล่าไม่จบ ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน 20 กว่าปี แรกทีเดียว มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน แต่ยิ่งนานวันเสียงคัดค้านเริ่มแผ่วลง ด้วยประจักษ์พยาน และความเดือดร้อน ของคนเกาะสมุย ที่ต้องรับสภาพ “ชีวิตติดเกาะ”  แบกภาระค่าใช้จ่ายสูงกว่าคนแผ่นดินใหญ่และคนทั่วไปถึง 2 เท่า ทั้งต้นทุนการใช้ชีวิต ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง เวลา แม้แต่โอกาสของการมีลมหายใจ ในยามเจ็บไข้ได้ป่วย  

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

จากเสียงของความเดือดร้อน ค่อย ๆ ดังขึ้นจนกลายเป็นเสียงสนับสนุนให้ก่อสร้าง แต่ความหวัง ยังเป็น ความฝัน แม้จะมีการอนุมัติให้มีการศึกษาความคุ้มค่าจากการก่อสร้าง ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่บทเรียนการเมืองไทย  มติครม.ก็ยกเลิกได้ตลอดเวลา ถ้ารัฐบาลใหม่มาไม่พึงใจในโครงการ  

ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นปรากฎการณ์ การรวมตัวกันของกลุ่มนักธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และชาวเกาะสมุย ที่ต้องการให้มีการสร้างสะพานเชื่อมแผ่นดินใหญ่ - เกาะสมุย โดยจัดให้มีการเสวนา ระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย 

 

และได้เชิญ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฏร์ธานี เขต 2 พงศ์ศรี นาคเมือง หรือทนายอ๋อย ทนายความชื่อดังแห่งเกาะสมุย  

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

ถือเป็นการรวมตัวกันของคนทุกวงการและชาวบ้านในพื้นที่ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจำเป็นต้องมี “สะพาน” เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และการผูกขาดธุรกิจการบินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่ชาวบ้านเข้าไม่ถึงโอกาส   

เสียงเรียกร้องให้มีการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย – แผ่นดินใหญ่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2540 ด้วยเหตุผลที่ชาวบ้านต้องรอคิวเรือเฟอร์รี่นานมาก เนื่องจากมีท่าเรือราชาเฟอร์รี่ที่ต.ลิปะน้อย ให้บริการเพียงแห่งเดียว แต่คราวนั้นผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่คัดค้าน เกรงว่านักท่องเที่ยวจะไม่พักแรมบนเกาะ และจะทำให้สมุยหมดเสน่ห์ 

 

ทว่าผู้จุดประกายและเรียกร้องให้มีการก่อสร้างสะพานมาโดยตลอดคือ นายวิรัช พงษ์ฉบับสภา หรือ โกฉุย  เจ้าของโรงแรมพาวิลเลียน สมุย บูติค รีสอร์ท  

 

โกฉุย มีเชื้อสายจีนไหหลำ เป็นชนกลุ่มแรก ๆ ที่มาตั้งรกรากบนเกาะสมุย ด้วยเหตุนี้ โกฉุย จึงรักและผูกพันกับเกาะสวรรค์แห่งนี้มาก จึงมาจับธุรกิจโรงแรม ที่เริ่มพัฒนามาจากพื้นที่เล็ก ๆ เมื่อ 36 ปีที่แล้ว จนขยายใหญ่เป็นโรงแรมบูติค ขนาด 90 ห้อง ริมหาดละไม 

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

สิ่งที่โกฉุย เห็นและสัมผัสมาตลอดชีวิต คือ การท่องเที่ยวคือท่อน้ำเลี้ยงของการท่องเที่ยว ทั้งชาวเกาะสมุยเอง และของประเทศ แต่วันนี้เกาะสมุยพัฒนาได้ไม่สุด เพราะติดขัดในหลายปัญหา โดยเฉพาะการเดินทาง ที่มีปัญหาค่าโดยสารเครื่องบินแพง เนื่องจากผูกขาดอยู่เพียงรายเดียว  

 

และถึงแม้จะสามารถเลือกใช้บริการ สนามบินสุราษฎร์ธานี แล้วนั่งรถไปที่ท่าเรือดอนสักเพื่อลงเรือข้ามไปที่เกาะสมุย สนนราคาค่าเดินทางถูกกว่ามาก แต่ต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 ชั่วโมง 

 

นอกจากนี้ด้วยข้อจำกัดของเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากและเรือเร็ว การส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลศูนย์มีความยากลำบาก โชคร้ายที่สุดคือ ไปไม่ทัน ต้องเกิดการสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันคนบนเกาะสมุย ยังต้องแบกค่าสาธารณูปโภค ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าน้ำมันเชื้อเพลง ค่าครองชีพต่าง ๆ สูงกว่า คนบนแผ่นดินใหญ่ถึง 2 เท่าตัว   

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

“ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำสะพานจากแผ่นดินใหญ่ฝั่งขนอมเชื่อมมายังเกาะสมุย ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร เพราะมันจะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกมิติ รวมทั้งสายเคเบิลไฟฟ้า ท่อส่งน้ำประปา ก็เดินคู่มากับสะพานได้เลย ไม่ต้องลงใต้ทะเลแล้ว รูปแบบของสะพานที่ผมออกแบบนี้ มีความพิเศษแตกต่างจากสะพานในต่างประเทศ เพราะจะมีช่องทางสำหรับปั่นจักรยาน เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวดึงดูดให้นักปั่นจากทั่วประเทศนับล้านคนมาปั่นจักรยานข้ามทะเลระยะทาง 18 กิโลเมตร โปรโมทออกไป ผมเชื่อว่าใครก็อยากมา และนักท่องเที่ยวที่มากับเครื่องบินเช่าเหมาลำมาลงสนามบินสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช จะมีความสะดวกมากขึ้นที่จะเดินทางเข้ามาเป็นการเติมเต็มนักท่องเที่ยวให้กับเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ที่สำคัญจะทำให้คนไทยสามารถมาท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น" โกฉุย กล่าว 

 

นอกจากนี้ ยังส่งผลดี ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนกรณีมีผู้ป่วยฉุกเฉินก็สามารถส่งไปรักษาต่อยังรพ.สุราษฎร์ธานี หรือโรงพยาบาลอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันการส่งต่อผู้ป่วย จะส่งผ่านเรือเฟอร์รี่เป็นหลักในเวลากลางวัน แต่หากมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่ต้องส่งต่อในเวลากลางคืน หรือในช่วงมรสุม มีคลื่นลมแรง จะมีความยากลำบากมาก ซึ่งกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน 

เปิดมุมมอง "สะพานข้ามเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่" 

“เมื่อปีที่แล้ว ลูกน้องผมประสบอุบัติเหตุ ต้องผ่าตัดสมอง แต่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพบนเกาะต้องเสียค่าใช้จ่าย 3-5 ล้านบาท ผมถามว่าชาวบ้านที่ไหนจะมีเงินจ่าย แล้วถ้าส่งต่อไปยังโรงพยาบาลบนฝั่ง ก็ต้องใช้เวลานาน สุดท้ายลูกน้องผมเสียชีวิต ประชาชนบนเกาะสมุย พบเจอกับเหตุการณ์นี้ไม่เว้นแต่ละวัน” 

 

ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวเชิงสนับสนุนว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขเพื่อสะสางปัญหาด้านอื่น ๆ ได้คือ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ประเทศเราจะมีทรัพยากรเพียงพอในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ เศรษฐกิจต้องดีก่อน จากการพูดคุยกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่จ.สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ทุกคนเห็นตรงกันว่า การจะแก้ปัญหาปากท้องได้ เราต้องมีจุดยืนในการสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่ สะพานแห่งนี้จึงเป็นเพชรเม็ดงามของอ่าวไทย แต่เพชรจะงามได้ต้องอยู่บนแหวน ที่ออกแบบเพื่อให้การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันได้สะดวก

 

อดีตรมว.คลัง ยังมองถึงผลในทางบวกต่อประชาชนที่จะได้รับ คือ 1.ลดค่าครองชีพของชาวเกาะสมุยกว่า 6 หมื่นคน และพี่น้องชาวใต้ ชาวอีสาน ที่ทำมาหากินที่นี่อีกหลายแสนคนในแต่ละปี 2.การเพิ่มคุณภาพชีวิต เข้าถึงการรักษาพยาบาล ลดต้นทุนการเดินทางของนักเรียนนักศึกษา และประชาชน ที่มีค่าใช้จ่ายสูงต่อการเดินทางแต่ละครั้ง และอาจต้องพักค้างบนฝั่งเนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องเวลาให้บริการของเรือ

 

3.การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชาวสมุยที่มีธรรมชาติงดงามมาก ส่วนกระบวนการก่อสร้างนั้น คิดว่าถึงเวลาแล้ว ต้องสื่อสารให้พี่น้องชาวเกาะสมุยได้รู้ถึงประโยชน์ที่จะได้รับ 

 

 ทั้งนี้ เกาะสมุย มีพื้นที่ประมาณ 252 ตารางกิโลเมตร ข้อมูลก่อนเกิดสถานการณ์โควิด เกาะสมุยมีประชากรตามทะเบียนราษฎร 69,064 คน มีประชากรแฝงประมาณ 300,000 คน มีผู้เดินทางเข้ามายังเกาะสมุย 2,651,500 คน เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัด

 

ทำรายได้ 64,726.98 ล้านบาท หรือ 63 เปอร์เซ็นต์ของรายได้การท่องเที่ยวรวมทั้งจังหวัด เป็นชาวต่างประเทศ 85 เปอร์เซ็นต์ ชาวไทย 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน จีน ยุโรปตะวันออก ออสเตรเลีย และอังกฤษ 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ