เปิดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคสู่ประเทศไทย 4.0
โครงการจัดทำแผนแม่บทและแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคสู่ประเทศไทย 4.0 (พ.ศ. 2562 - 2566) ที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้ภาควิชาเกษตรกลวิธาน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยผศ.ดร.เกรียงไกร แก้วตระกูลพงษ์ (หัวหน้าโครงการ), ผศ.สมพงษ์ เจษฎาธรรมสถิต, ดร.ถวัลย์ศักดิ์ เผ่าสังข์, ดร.รักศักดิ์ เสริมศักดิ์, อ.ยุพดี ฟูประเสริฐ และคณะ เป็นผู้ดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทและแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคสู่ประเทศไทย 4.0 (พ.ศ. 2562 - 2566) ได้จัดการสัมมนาขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
การจัดสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการศึกษาของโครงการฯ และเพื่อระดมความคิดเห็นต่อร่างแผนแม่บทและแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคสู่ประเทศไทย 4.0 (พ.ศ. 2562 - 2566) โดยมีนายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาดังกล่าว มีผู้บริหารและบุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ รวมทั้งสถาบันการศึกษาสังกัดอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 128 คน
ผศ.ดร.เกรียงไกร แก้วตระกูลพงษ์ หัวหน้าโครงการฯเปิดเผยผลการศึกษาว่า ได้ดำเนินการศึกษาคัดเลือกภูมิภาค รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงสุด จำนวน 3 สาขา รวมทั้งได้วิเคราะห์หาพื้นที่ศูนย์กลางการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม และจัดทำแผนแม่บทและแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาคสู่ประเทศไทย 4.0 (พ.ศ. 2562 - 2566) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภูมิภาคที่คัดเลือกคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มอุตสาหกรรม 3 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากข้าว) อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (ผลิตภัณฑ์แปรรูป จากสมุนไพร) โดยมีจังหวัดต้นแบบเพื่อการจัดตั้งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเป้าหมายตลอดห่วง โซ่อุปทาน จำนวน 4 จังหวัด คือ จังหวัดยโสธร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนครราชสีมา
สำหรับร่างแผนแม่บทและแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับศักยภาพด้านอุตสาหกรรมในภูมิภาคและทิศทางการพัฒนาประเทศในภาพรวม สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนา อุตสาหกรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มาลงทุนในพื้นที่ อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจของพื้นที่และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคตต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง