พาณิชย์ เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จากทั่วโลก มาที่จ.สงขลา เพื่อประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัด ในการผลักดันการส่งออกสินค้าไทยว่า ได้มอบนโยบายว่า ในช่วงที่การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงปัญหาสงครามค่าเงินนั้น รมต.พาณิชย์ และทูตพาณิชย์จะต้องทำหน้าที่เซลแมนของประเทศ เพื่อนำเสนอขายสินค้าไทยไปสู่ตลาดโลกเพื่อยอดการส่งออกของไทยให้ได้มากที่สุด

          “นอกจากทูตพาณิชย์จะเป็นพนักงานขายแล้ว ผมก็จะเป็นพนักงานขายของประเทศไทย โดยจะนำคณะนักธุริจไปเจรจาธุรกิจเรื่มที่จีนตอนใต้ ต่อด้วยอืนเดีย อิรัก ซึ่งไม่ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายของตัวเองว่าจะได้เท่าไร แต่มั่นใจว่าถ้าเดินทางไปแล้วจะต้องขายของได้แน่ และจะทำให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มูลค่าการส่งออกของไทย” นายจุรินทร์ กล่าว

          สำหรับสินค้าเป้าหมายที่จะเน้นการส่งออกในขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ปาล์มน้ำมัน และสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมด้วยส่วนตลาดเป้าหมาย จะมีทั้งจีนตอนใต้ อินเดีย ตุรกี นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง ฯลฯ    

          รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์รายงานโอกาส ความเป็นไปได้ และสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออก แล้วให้รายงานกลับมายังคณะทำงานติดตามสถานการณ์ส่งออก(วอร์รูม) ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อจะได้แจ้งให้ผู้ส่งออกได้รับทราบ และเจรจาการค้ากันต่อไป  

          นอกจากนี้ได้เยี่ยมชมร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบในจังหวัดสงขลา เตรียมยกระดับสู่การเป็น Smart โชวห่วย โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เร่งพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าส่งค้าปลีกให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับให้ธุรกิจเป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากผู้ใช้บริการ ก่อนผลักดันสู่การเป็น Smart โชห่วย

          ทั้งนี้ ในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายในการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบรายใหม่และพัฒนาสู่การเป็น Smart โชวห่วยให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 30,000 ราย เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในชุมชนให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่าง คล่องตัวและสามารถขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านและชาย แดนที่มีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยเป็นจำนวนมาก.