ข่าว

'กลุ่มปตท.'กำไรทรุด19%

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลดำเนินงาน "กลุ่มปตท." งวดไตรมาส 2 กวาดกำไรรวม 4.3 หมื่นล้าน ลดลง 19% เหตุส่วนต่างราคาปิโตรอ่อนตัว ด้านโบรก ยอมรับผิดหวัง หลังโชว์กำไรต่ำคาด

 

 

          บริษัทในเครือ ปตท. จำนวน 6 บริษัท รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 43,978 ล้านบาท ลดลง 19.06% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 ที่ทำได้ 54,339 ล้านบาท นำโดย บมจ.ปตท. (PTT) มีกำไร 25,938.13 ล้านบาท ลดลง 11.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 30,028.52 ล้านบาท

 

 


          บมจ.ไทยออยล์(TOP) มีกำไร 567 ล้านบาท ลดลง 88% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 4,794 ล้านบาท ,บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) มีกำไร 2,202 ล้านบาท ลดลง 80% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 10,827 ล้านบาท และบมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) มีกำไร 506 ล้านบาท ลดลง 87% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 4,049 ล้านบาท


          ส่วนด้าน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) มีกำไร 13,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 281% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 3,590 ล้านบาท และบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่(GPSC) มีกำไร 1,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,051 ล้านบาท


          นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรของปตท.ทั้งปีนี้ลงราว 10% เหลือ 1.06 แสนล้านบาท จากเดิมที่อยู่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท หลังผลประกอบการของบริษัทในเครือปตท.งวดไตรมาส 2/2562 ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นเพราะส่วนต่าง (สเปรด) ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนตัวและธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงบางบริษัทมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน


          ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มปตท.ในช่วงไตรมาส 3/2562 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัวจากช่วงไตรมาส 2/2562 เพราะคาดว่าผลประกอบการของบริษัทปตท.จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีส่วนเพิ่มของกำลังการผลิตของปตท.สผ.ที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของโรงแยกก๊าซอาจยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาน้ำมันปัจจุบันยังเคลื่อนไหวแถวระดับ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาน้ำมันไม่เหวี่ยงมากก็อาจทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันหรือกำไรสต็อกน้ำมันไม่มากนัก


          “หุ้นในกลุ่มปตท.ที่เราแนะนำคือ PTTEP และTOP เนื่องจากคาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ดาวไซด์จำกัด และรับรู้กำไรจากส่วนเพิ่มของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอานิสงส์จากค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากช่วงไตรมาส 2/2562 ที่อยู่ระดับ 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”


          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่าภาพรวมการรายงานกำไรสุทธิของกลุ่มปตท.ที่ออกมาถือว่าต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะหุ้น PTT ที่มีการประกาศกำไรต่ำกว่าคาดไว้ราว 10% จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 26,786 ล้านบาท ซึ่งหลักๆมาจากบริษัทในเครือที่ผลประกอบการอ่อนตัวลงมากโดยเฉพาะบริษัท PTTGC และ IRPC ที่ออกมาผิดคาด ขณะที่ PTTEP และ TOP ถือว่าออกมาตามที่คาดไว้


          ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มปตท.ในงวดไตรมาส 3/2562 คาดว่าจะดีกว่าช่วงไตรมาส 2/2562 เนื่องจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจในกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP ขณะที่ผลประกอบการของ PTT คาดว่าจะทรงตัวราว 25,000 ล้านบาท เพราะยังถูกกดดันจากธุรกิจก๊าซที่ปรับตัวลดลง แต่ยังได้อานิสงส์จากธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไฟฟ้ามาช่วยชดเชยได้


          “กลุ่มปตท.ราคาหุ้นลดลงเยอะ แต่ถือว่าน่าสนใจเพราะหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่จ่ายปันผลสูงกว่า 4% ต่อปี โดยหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มแนะนำ GPSC และ TOP เนื่องจากราคาหุ้นยังต่ำกว่าตลาดหรือแลกการ์ด และได้รับอานิสงส์จากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว”

 

.............................................
ที่มา :  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ