ข่าว

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต."น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร"

              แม้จะเป็นคนโลว์โปรไฟท์ในหน้าสื่อ แต่ไม่โนเนมสำหรับงานการเมือง ผ่านประสบการณ์การทำงานกับรัฐมนตรีในหลากหลายกระทรวง ไม่เว้นแม้กระทั่งงานกลั่นกรองกฎหมายในสภาในฐานะผู้ช่วยงานรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและเป็นส่วนหนึ่งความสำเร็จของรัฐมนตรีมาแล้วหลายคนสำหรับ"น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร ร.น.”ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาคนปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการฯ“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์”ที่ลาออกไปตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

 น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร ร.น.

            หากดูเส้นทางชีวิตต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดา หลังจบนิติศาสตร์ จุฬาฯในปี 2536 ก็ออกมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานทนายความอยู่พักใหญ่แล้วลาออกมาช่วยงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการคณบดีนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฯที่ชื่อ“ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย”ในขณะนั้น ก่อนก็เข้าสู่เส้นทางชีวิตราชการหลังสอบบรรจุได้ในตำแหน่งนายทหารพระธรรมนูญ กองทัพเรือ 

           ระหว่างรับราชการทหาร วรวิทย์ก็ได้ข้ามฝั่งมาช่วยงานอาจารย์สุรเกียรติ เสถียรไทยที่ถูกวางตัวให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2539-40 โดยทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ยังมาช่วยงานสภาให้กับ“สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผูัแทนราษฎรและ"กัญจนา ศิลปอาชา" ประธานกรมาธิการสวสัดิกาสังคมขณะนั้นอีกด้วย  

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

           "ที่จริงทางผู้ใหญ่อยากให้ไปช่วยทั้ง 3 คน คืออาจารย์สุรเกียรติ(เสถียรไทย)รัฐมนตรีว่าการคลัง ท่านวราเทพ(รัตนากร)รัฐมนตรีช่วยคลังและท่านสมศักดิ์(ปริศนานันทกุล) รองประธานสภาผู้แทน แต่ทำได้ในระดับหนึ่ง งานหลัก ๆทำอยู่ที่สภาเป็นส่วนใหญ่ เพราะมันตรงกับสายงานที่เราได้ร่ำเรียนมาด้วย"วรวิทย์เผยกับ“คมชัดลึก”ถึงประสบการณ์การเข้าสู่งานการเมืองในช่วงแรก ๆ 

            กระทั่งสุรเกียรติ์โยกมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่สมศักดิ์ข้ามห้วยมานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วรวิทย์ก็มีโอกาสติดตามมาช่วยงานสองคนนี้อีกครั้ง ครั้งนี้เป็นงานเกี่ยวกับด้านการบริหารล้วน ๆ โดยวิ่งรอกระหว่างสองกระทรวงในตำแหน่งผู้ช่วยสำนักงานอำนวยการรัฐมนตรี ทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่ง“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์”เข้ามานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวสมัยแรก วรวิทย์ก็มารับหน้าที่สำคัญในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานรัฐมนตรี พร้อมกับลาออกจากราชการทหารมุ่งสู่งานการเมืองอย่างเต็มตัว

            "บุคลิกของอาจารย์สุรเกียรติเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ที่สุภาพให้เกียรติคน มีเมตตา คอยชี้แนะแนวทางในการทำงาน ตอนอยู่คลังก็จะดูวาระงานให้ท่าน ส่วนที่ต่างประเทศก็จะทำงานประชาสัมพันธ์เป็นหลัก ทำให้ได้ประสบการณ์การทำงานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน  ส่วนงานสภาของท่านสมศักดิ์ท่านจะให้ดูงานกฎหมาย ร่างพ.ร.บ.ต่าง ๆ  งานการประชุม จุดเด่นของท่านสมศักดิ์ทำงานเร็ว เป็นคนติดดินเข้าถึงง่าย"วรวิทย์เผยสไตล์การทำงานของแต่ละคน

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

            หลังมีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี วรวิทย์ก็กลับไปช่วยงานที่พรรคชาติไทยโดยทำอยู่สองปีกว่าก็เกิดการปฏิวัติโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน จากนั้นก็ช่วยงาน"สุรางคนาง วายุภาพ"ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเลคทรอนิกส์(องค์การมหาชน) กระทรวงดิจิทัล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวผู้อำนวยการฯในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)อีกตำแหน่งก่อนจะลาออกมาช่วยงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาที่ชื่อ“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์”อีกครั้งในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาตามลำดับ

          "งานเลขาจะเป็นเรื่องการกรองงานทุกอย่างก่อนถึงมือรัฐมนตรี มีทั้งเซ็นแฟ้มเอกสารทั้งการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและนอกกระทรวง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  ทำอยู่ได้ปีกว่าก็ขยับมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีโดยผ่านมติครม. ตำแหน่งนี้เป็นการทำงานตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย เช่นมอบหมายไปประชุมหรือไปออกงานแทนรัฐมนตรี  ไม่ว่างานท่องเที่ยวหรือกีฬา ไม่ว่างานในประเทศหรือต่างประเทศ สรุปก็คือเลขาเป็นงานในส่วนสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของรัฐมนตรี ส่วนผู้ช่วยทำหน้าที่เป็นผู้แทนรัฐมนตรีไปปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆที่รัฐมนตรีมอบหมาย"

            วรวิทย์ยอมรับว่าการปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีนี้เอง ทำให้เขาได้สัมผัสการบริหารอย่างเต็มตัว มีการลงพื้นที่ติดตามงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงท่องเที่ยวฯ ทำให้ได้เห็นและปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในระดับพื้นที่เป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์จากในอดีตมาลงมือปฏิบัติจริงให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ได้รับรู้ปัญหาเชิงลึกและยอมรับว่าไม่ง่ายหากจะแก้ไขในระยะเวลาอันสั้นทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวและงานด้านกีฬา

           "เป็นเลขาอยู่ปีกว่า ก็ได้เรียนรู้งานกระทรวงเยอะมาก แล้วมาทำหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรี ช่วงแรกๆก็ออกงานแทนรัฐมนตรีบ้าง แต่หลังจากท่านรัฐมนตรีวีระศักดิ์(โควสุรัตน์)ลาออกไปดำรงตำแหน่งส.ว. เราก็เข้ามาดูแลอย่างเต็มตัว ส่วนใหญ่จะเป็นการออกงานและติดตามงานตามนโยบายมากกว่า ซึ่งท่านวีระศักดิ์ได้วางกรอบนโยบายไว้หมดแล้วทั้งงานท่องเที่ยวและกีฬา เราแค่ไปติดตามความคืบหน้า ส่วนงานหลัก ๆ จะมีรองนายกฯสมคิด(จาตุศรีพิทักษ์) ซึ่งรับผิดชอบดูแลกระทรวงท่องเที่ยวฯจะเป็นคนดูแล"

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

           จากประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งทั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬามาเกือบ 2 ปี ทำให้เขามองเห็นตัวเลขการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่เราต้องมองถึงความยั่งยืนมากกว่าการจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวหรือรายได้เป็นหลัก วรวิทย์ย้ำว่าเป้าหมายตัวเลขรายได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอันดับแรก แต่สิ่งสำคัญคือการกระจายรายได้นั้นไปสู่ท้องถิ่นและชุมชนห่างไกลมากกว่าเพื่อให้เงินเหล่านั้นไหลลงถึงมือชาวบ้านไม่กระจุกตัวอยู่แต่เมืองใหญ่หรือกลุ่มธุรกิจใหญ่บางกลุ่ม ซึ่งจะนำมาสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย

           "ถ้าเป็นไปได้ก็ขอฝากไปยังรัฐบาลใหม่ในเรื่องนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองต่อไปเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นมากขึ้น ลดความเหลือมล้ำและให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย รวมถึงความปลอดภัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วย"

          ในส่วนของกีฬานั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเทีย่วและกีฬายังมุ่งเน้นใช้กีฬาเป็นตัวจักรในการขับคลื่อนสุขภาพของคนไทยให้มีสุขภาพที่ดี  ทั้งยังให้ความสำคัญกับกีฬาคนพิการ ซึ่งปัจจุบันกีฬาคนพิการของไทยได้เข้ารับการยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้ส่งนักกีฬาคนพิการไปร่วมแข่งขันในระดับสากลทั้งระดับซีเกมส์ อาเซียนเกมส์และโอลิมปิคเกมส์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีผลงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจในแต่ละประเภทกีฬาอีกด้วย

 ดัน"ท่องเที่ยว-กีฬา"สู่ความยั่งยืน มองผ่านผช.รมต.ท่องเที่ยว

           "สิ่งที่รัฐบาลควรสนับสนุนเพิ่มจะเป็นเรื่องของการที่จะเปิดโอกาสให้นักกีฬาคนพิการสามารถมีงานประจำหรือให้มีสถานที่ในการฝึกซ้อมโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานที่ฝึกซ้อมหรืิอเครื่องอุปกรณ์การเล่นกีฬาในแต่ละประเภท ตลอดจนในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา  ควรมีนักกายภาพบำบัดมาดูแลนักกีฬาทั้งหลายได้ทั่วถึงมากขึ้น"

       

   ส่วนอนาคตทางการเมืองจากนี้ไป เขาไม่ได้คาดหวังมาก จะอยู่ในส่วนไหนก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมได้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เพราะเชื่อมั่นว่าการทำงานในระดับนโยบายจะสามารถขับเคลื่อนให้กับประชาชนในวงกว้างได้มากกว่า

          แม้วันนี้เขาใกล้จะสิ้นสุดในภารกิจสำคัญในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หลังมีรัฐบาลชุดใหม่  แต่การทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติยังคงเดินหน้าต่อไป โดยหันมาสวมหมวกภาคประชาสังคมอย่างเต็มตัว ภายใต้ชมรม“ฮิวแมน เลิฟ เอิร์ธ”(Human Love Earth)หรือคนรักษ์โลก ทั้งยังรั้งตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเลคทรอนิกส์(องค์การมหาชน)เพื่อนำเทคโนดลยีอีคอมเมอร์สสู่ชุมชน พร้อมมุ่งเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อโชเซียลในการขับเคลื่อนงาน  

       นี่คือความหวังและตั้งใจของลูกผู้ชายที่ชื่อ“น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร ร.น.”

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ