ข่าว

"ทีเอ็มบี" ชี้ช่องลูกค้าจัดทัพกระจายความเสี่ยง-เพิ่มผลตอบแทน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปั้นพอร์ตลงทุนผ่าน "อสังหาริมทรัพย์" ท้าทายความผันผวน "ทีเอ็มบี" ชี้ช่องลูกค้าจัดทัพกระจายความเสี่ยง-เพิ่มผลตอบแทน

 


    

          ท่ามกลางสภาวะความท้าทายของการลงทุนเช่นนี้ ย่อมมีคำถามว่าทำอย่างไรให้พอร์ตการลงทุนได้ผลตอบแทนพอสมควรโดยที่ไม่เสี่ยงต่อการติดลบมากจนเกินไป หรือน้อยเกินไปจนแพ้เงินเฟ้อ “ทีเอ็มบี” หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม Investment Talk ชวนลูกค้ากลุ่มธนบดีธนกิจ (Wealth Banking) ร่วมหาคำตอบ พร้อมให้คำแนะนำแนวทางการลงทุน ในหัวข้อ “เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนของพอร์ตการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REITs” โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด  

 

 

          สืบเนื่องมาจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมมองหาผลตอบแทนทางการเงินที่สูงขึ้น แม้ต้องแลกด้วยการยอมรับค่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่ผันผวนมากเกินไป จึงทำให้สินทรัพย์อย่าง “พร็อพเพอร์ตี้” หรือ อสังหาริมทรัพย์  ถูกจับตามองมากขึ้น ซึ่งในอดีตเหล่าเศรษฐีมักนิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว และปัจจุบันคนที่ไม่มีเงินก้อนโตก็มีโอกาสลงทุนได้เช่นกัน ผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 
    

          “สินทรัพย์เหล่านี้ ให้กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ แม้ในสภาวะที่เศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวลงจนทำให้ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่น หุ้น ผันผวนก็ตาม แต่กระแสรายได้ของสินทรัพย์ที่เป็นกองทุนอสังหาฯ, REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับรายได้สม่ำเสมอในรูปแบบค่าเช่า ไม่ได้ผันผวนไปในลักษณะเดียวกัน จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการลงทุนสำหรับลูกค้าที่ยินดีก้าวขึ้นบันไดความเสี่ยงอีกหนึ่งขั้น จากเดิมที่ลงทุนเงินฝากและตราสารหนี้ แทนที่จะก้าวข้ามไปเป็นแบบเสี่ยงมากเลยทีเดียว” ดร.สมจินต์ระบุ      
    

              จากการเปรียบเทียบข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังของการลงทุนระหว่างตลาดหุ้นและ REITs ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์ และไทย พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนใน REITs จะสูงกว่าตลาดหุ้นเล็กน้อย และสิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดไทยคือ REITs มีความผันผวนของราคาน้อย เนื่องจากมีความต้องการเยอะมากขณะที่สินทรัพย์มีอยู่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้น เมื่อถูกขายออกมาจะมีคนเข้ามารับซื้อตลอดเวลา นอกจากนี้ การลงทุนใน REITs จะมีกระแสรายได้เป็นส่วนต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับหุ้น โดยผลตอบแทนของหุ้นมาจากราคาเป็นหลัก ขณะที่ REITs มีส่วนผสมสำคัญของผลตอบแทนจากรายได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้การพึ่งพาราคาถูกลดทอนลง   



    

          “สินทรัพย์พร็อพเพอร์ตี้เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้พอร์ตการลงทุนได้ โดยนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว อยากจะเห็นพอร์ตมีความเสี่ยงลดลงด้วยกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ และคนที่ลงทุนแบบเสี่ยงน้อย คุ้นแค่เงินฝาก หรือตราสารหนี้ แต่อยากให้พอร์ตได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งผมเน้นเสมอว่าผลตอบแทนกับความเสี่ยงมาคู่กัน หากกลัวเกินไปผลตอบแทนก็ต่ำ จึงต้องผสมผสานสินทรัพย์ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แบกรับดีขึ้นตามไปด้วย” 
    

          หากมองในเรื่องราคาและมูลค่าที่เหมาะสมในการลงทุนนั้น ต้องยอมรับว่าการที่ REITs มีผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาถูก แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำอีกระยะหนึ่ง และเศรษฐกิจยังมีเงินที่ต้องการลงทุนอยู่เรื่อย ท่ามกลางความผันผวนในตลาดหุ้น ทำให้เครื่องมือการลงทุนประเภทนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาด ดังนั้น แม้ราคาจะไม่ถูก แต่ถือเป็นราคาที่ยังลงทุนได้ โดยลงทุนบนความคาดหวังของระยะเวลาที่ถือครองอย่างเหมาะสม นั่นคือถือครองเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป ซึ่งจากสภาพตลาดขณะนี้เชื่อว่าสินทรัพย์นี้เหมาะกับการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว น่าจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 4-5% ถือเป็นทางเลือกที่ดี  
    

          ปัจจุบันสินทรัพย์ประเภทพร็อพเพอร์ตี้ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากกระแสรายได้ที่ค่อนข้างดี จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงในระดับที่ไม่มากจนเกินไป แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลางถึงระยะยาว ซึ่งบลจ.ทหารไทยได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถขยายการลงทุนไปสู่ทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดกระแสรายได้ ค่าเช่า และค่าบริการ ผ่าน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF), กองทุนเปิด TMB Eastspring Asia Pacific Flexible และกองทุนเปิดทีเอ็มบี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ (TMBGPROP) 
    

          ดร.สมจินต์ยังแนะนำเรื่องการจัดทัพลงทุนด้วยว่า หากต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุน ต้องจัดทัพลงทุนโดยมุ่งวัตถุประสงค์ เพราะเงินของเรามีลักษณะ เงื่อนไข และวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เครื่องมือในการลงทุนก็มีลักษณะของผลตอบแทนไม่เหมือนกัน ถ้าสามารถเข้าใจความต้องการของเราเอง ว่าเงินที่กำลังลงทุนนั้น รับความเสี่ยงได้แค่ไหน ลงทุนยาวได้แค่ไหนและเข้าใจทรัพย์สินที่เราจะลงทุน แล้วจับมาลงทุนให้สอดคล้องกัน
    

          หากเปรียบการลงทุนเป็นทัพฟุตบอล ซึ่งแบ่งเป็นกองหน้า กองกลาง และกองหลัง ในส่วนของเงินเย็นสามารถลงทุนได้ยาวนานในสินทรัพย์ที่เสี่ยง เช่น หุ้น เพื่อให้มีการเติบโตจะเป็นเหมือนกองหน้าที่มีหน้าที่ทำประตูและสร้างชัยชนะ ส่วนเงินที่จะใช้ในปีหนึ่งข้างหน้า ไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนมากเกินไป ถือเป็นกองหลัง สินทรัพย์ที่เหมาะสมกับการลงทุนเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะหน้าที่สำคัญไม่ใช่การทำกำไรสูงสุด แต่เป็นการรักษาเงินต้นและสภาพคล่องเอาไว้ ส่วนเงินที่ไม่ต้องใช้ในปีแรกไม่ต้องอยู่ในกองหลัง แต่หากอยู่ไม่ได้ในระยะยาวก็ควรอยู่ กองกลาง ซึ่งนอกจากการลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรแล้ว สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันพ์ และ REITs เพราะมีหน้าที่รักษาอำนาจซื้อและสร้างกระแสเงิน
    

          “กุญแจสำคัญสำคัญของการลงทุนคือ การจัดทัพลงทุนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเงินที่ลงทุนขอให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี การลงทุนหุ้นควรลงทุน 5-7 ปีขึ้นไป ตามวงจรของเศรษฐกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่จะลงทุนทรัพย์สินเสี่ยงนั้นสามารถก้าวผ่านวงจรเศรษฐกิจได้จริงๆ เราต้องการให้เงินที่อยู่กองหน้าเป็นเงินที่ตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ คือเป็นการตัดสินใจอันเกี่ยวเนื่องมาจากเรื่องการลงทุนเท่านั้น ไม่ถูกความกดดันอื่นใด” 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ