อลังการเทคโนฯอัจฉริยะ"อินเตอร์แมค - ซับคอน2019"

  

               อลังการงานสร้างและตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในงาน "อินเตอร์แมค-ซับคอนไทยแลนด์ 2019" เป็นงานที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 12,000 แบรนด์ 45 ประเทศมาจัดแสดง โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกับยูบีเอ็ม เอเชีย(ประเทศไทย) และเครือข่าย ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยมุ่งสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 พร้อมเปิดโอกาสจับคู่ธุรกิจ เรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก เสริมแกร่งอุตสาหกรรมไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 25,000 คน มีมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท

 

                ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานว่า งานอินเตอร์แมค-ซับคอนไทยแลนด์ 2019 นี้เป็นส่วนหนึ่งในการสนองนโยบายรัฐบาลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนนโยบายที่มุ่งมั่นยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เหมาะสมกับการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอาเซียน

               “งานอินเตอร์แมค–ซับคอนไทยแลนด์ 2019 ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาคเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ นับเป็นงานที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐและตอบโจทย์ภาคเอกชนที่กำลังมองหาเทคโนโลยีและแนวทางการพัฒนาสู่การผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และแข่งขันได้ เพื่อเป็นการสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่อนาคต”

                 เลขาธิการบีโอไอ ระบุอีกว่า งานนี้ได้รวบรวมเทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำมารวมไว้ในงานเดียว และเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสจับคู่ธุรกิจ เปิดโลกทัศน์ เรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อพร้อมรองรับการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

                 มนู เลียวไพโรจน์ ประธานบริหาร บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า งาน "อินเตอร์แมค–ซับคอนไทยแลนด์ 2019” เป็นแพลตฟอร์มงานอุตสาหกรรมชั้นนำที่มีการจัดแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยจากการผลิตอย่างชาญฉลาด พร้อมด้วยระบบอัตโนมัติที่แม่นยำ ผ่านการนำเสนอเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งงานในปีนี้ได้นำเสนอภายใต้ธีม "โซลูชั่นการผลิตการเชื่อมต่ออัจฉริยะ" โดยตลอดระยะเวลา 4 วันของการจัดงานในปีนี้ มีผู้ประกอบการจากกว่า 12,000 แบรนด์ 45 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม และมีประเทศผู้ผลิตนำผลงานมาจัดแสดงในรูปแบบพาวิลเลียนจำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน และจีน

             นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสาธิตระบบการผลิตอัจฉริยะ ที่รวบรวมเทคโนโลยีการผลิตจากแบรนด์ชั้นนำในโซน (RO) Bots Hub ที่จัดมาแสดงแบบเต็มรูปแบบให้เห็นถึงทำงานร่วมกันด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบใหม่เพื่อการประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับไลน์การผลิตและเครื่องจักรที่มีอยู่ต่างชนิดได้อย่างลงตัว และโซนจัดแสดงโชว์เคสนวัตกรรมอัตโนมัติ คิดค้นและออกแบบโดยบริษัทคนไทยที่ได้รับฉายาว่า ไอรอนแมนเมืองไทย จาก บริษัท โรบอท ซีสเต็ม ผู้เข้าชมงานจะสามารถทดลองใช้โปรแกรมให้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับเครื่องคุมอัตโนมัติเพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงเครื่องจักรให้ทำงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โชว์การทำงานแบบเรียลไทม์ตั้งแต่สร้างภาพไปจนถึงโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบ โดยบริษัท เจอแรงการ์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด 

             ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีและความรู้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งผู้ร่วมงานยังมีโอกาสอัพเดตแนวโน้มอุตสาหกรรม จากการประชุมสัมมนาที่สำคัญและยังมีไฮไลท์การแสดงเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมและการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญอีกด้วย

            “ไฮไลท์พิเศษสำหรับปีนี้คือ Smart Manufacturing Showcase ที่ผู้ร่วมงานสามารถทดลองโปรแกรมหุ่นยนต์ และเรียนรู้ไปกับ Professional Learning Community (PLC) ด้วยตัวเองเพื่อทำความเข้าใจความสำคัญของเครือข่ายการสื่อสารอุตสาหกรรม และ IoT ที่จะแสดงการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมต่อด้วยเลเซอร์การควบคุมแรงในการเจียรและการขัดและอื่นๆ อีกมากมายและยังมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ AI ที่จะมีผลต่อการผลิตของโรงงานโดยอุตสาหกรรม AI ชั้นนำ รวมถึงการสัมมนาส่งเสริมองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับธุรกิจภาคอุตสาหกรรมการผลิตทุกภาคส่วนกว่า 80 หัวข้อที่ครบถ้วนมากที่สุดตลอดระยะเวลาการจัดงานอีกด้วย” ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย)เผยข้อมูล 

              สำหรับงานซับคอนไทยแลนด์ 2019 จัดขึ้นเป็นปีที่ 13 ยังคงมุ่งเน้นแสดงอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิต และการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการรายใหญ่หรือผู้ซื้อ เพื่อแสดงศักยภาพการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย การเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และสร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัทผู้ซื้อจากทั่วโลก รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับภาคการผลิต

              การจัดนิทรรศการและกิจกรรมภายในงานปีนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เข้มแข็งและมีแรงงานทักษะสูงแล้ว ยังได้ขยายไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายอีก 4 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมอากาศยาน-ศูนย์ซ่อมบำรุง, ยานยนต์สมัยใหม่, เครื่องมือ-อุปกรณ์การแพทย์, ระบบอัตโนมัติ-หุ่นยนต์ ภายในงานยังมีกิจกรรมหลักอีก 3 กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การจับคู่เจรจาธุรกิจ สัมมนา การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 25,000 คน มีมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท และเกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 8,000 คู่ จากบริษัทผู้ซื้อกว่า 30 ประเทศทั่วโลกจำนวน 400 บริษัท ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานบีโอไอต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และอเมริกา โดยเฉพาะสำนักงานบีโอไอ ณ กรุงปารีส ได้นำบริษัทผู้ซื้อรายใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานจากทั่วโลกจำนวน 34 บริษัทมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย 

             นับเป็นก้าวของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรในอนาคต สนใจสามารถเยี่ยมชมงาน “อินเตอร์แมค- ซับคอนไทยแลนด์ 2019” ระหว่างวันที่ 8-11 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา 

                                     

         

                              “เวทีประชันของดี”เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ 

              สามารถ ประเสริฐดี วิศวกรควบคุมการผลิต Robotic and Automation Engineer บริษัท เจเรนก้า เซอร์วิส(ประเเทศไทย) จำกัด บริษัทสัญชาติเยอรมัน ซึ่งได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาจัดแสดงในงานนี้ด้วยว่า บริษัทเข้าร่วมงานนี้ทุกปี เพราะเป็นงานใหญ่ระดับโลกที่ผู้ประกอบการจากทั่วโลกนำสินค้ามาประชันกันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด งานนี้นอกจากมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจกันแล้วยังมีการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อที่หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ซึ่งโอกาสดีๆ เช่นนี้มีไม่ง่ายนัก

            “บริษัทของเรารับงานออกแบบโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นระบบออโตเมติกทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์และคนควบคุมบางส่วน แต่มีความปลอดภัยสูง เรารับงานในทุกอุตสาหกรรม แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมจิวเวลรี่” วิศวกรหนุ่มระบุ

            ขณะที่ ไพลิน อารีนุกูล  ผู้จัดการแผนกพัฒนาการตลาด บริษัท คีย์เอ็นซ์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นบอกว่า จุดเด่นของบริษัทในการพัฒนาไมโครสโคปหรือระบบเครื่องมือวัดรุ่นใหม่ ซึ่งได้มีการนำความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีกล้อง 3 มิติมาใช้เพื่อสร้างความแม่นยำในการวัดระดับสูง โดยประกอบไปด้วยส่วนของการวัดที่ไม่เคลื่อนไหว รวมไปถึงความสะดวกในการใช้งานที่ผู้ใช้สามารถวัดงานได้ในระยะเวลาไม่นาน

                “เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมทุกชิ้นจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้วยระบบเครื่องมือวัดไมโครสโคป อย่างของคีย์เอ็นซ์นั้นมีหลายคุณสมบัติขั้นสูงที่นำเทคโนโลยีออปติคอลและดิจิทัลล่าสุดมาใช้ที่มีความแม่นยำสูงเพื่อประสิทธิภาพในการผลิตในภาคอุตสาหกรรม มางานนี้นอกจากเป้าหมายเจรจาทางธุรกิจเราก็จะได้เห็นความก้าวหน้าของสินค้าคู่แข่งด้วย” ไพลินเผย พร้อมแนะนำไมโครสโคปและเครื่องมือวัดรุ่นต่างๆ ในบูธที่นำมาจัดแสดงภายในงาน