ข่าว

ททท.นำทัพโรดโชว์งาน"ITB 2019"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ททท.นำทัพโรดโชว์งาน"ITB 2019" ชูอัตลักษณ์ชุมชน-เชื่อมเมืองหลักสู่เมืองรอง

 

        ในระหว่างวันที่ 6-10 มีนาคมที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้นำกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยจำนวน 88 ราย เข้าร่วมงาน International Tourismus Borse 2019 (ITB 2019) ครั้งที่ 53 ณ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชูแนวคิด Open to the New Shades of Thailand เน้นสินค้าและบริการของแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทยที่มีศักยภาพและตรงกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย น่านตราด จันทบุรี ชุมพร ระนอง ตรัง และนครศรีธรรมราช โดยนำเสนอขายในแนวคิด Hub & Hook เชื่อมโยงเส้นทางเมืองหลักพ่วงไปเมืองรอง นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยเน้นสร้างการจดจำโดยนำเสนอขายเรื่องราวของวิถีกิน วิถีถิ่นของชุมชนต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

ททท.นำทัพโรดโชว์งาน"ITB 2019"

ททท.นำทัพโรดโชว์งาน"ITB 2019"

 

 

              วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดคูหาประเทศไทยในงาน International Tourismus Borse 2019 (ITB 2019) ครั้งที่ 53 ณ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี  โดยระบุว่าการนำหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมาโรดโชว์ในงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่มาทำการขาย แต่เป็นการมาเพื่อส่งสัญญาณความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวใน สองเรื่องหลัก  โดยเรื่องแรกเป็นสัญญาณที่ถามว่าคุณจะทำอย่างไรกับแมสทัวริสซึ่งหรือโกลเบิลทัวริซึ่ม เป็นการมาแสดงให้เขาเห็นว่างานนี้ไม่ใช่มีแค่รัฐบาล แต่มีภาคเอกชนและเครือข่ายร่วมด้วย จึงจะเห็นว่าปีนี้มีขบวนการเครือข่ายชุมชนมาร่วมจัดแสดงกันมากขึ้น โดยเฉพาะชุมชนที่เป็นอัตลักษณ์ของเมืองรอง

               "ปีนี้มีจังหวัดที่เป็นเมืองรองมาแสดงอย่างเต็มตัว  เป็นการวางแผนเตรียมความพร้อมด้วย ในอีกสามถึงหา้ปีข้างหน้า เมื่อโครงการต่าง ๆ เหล่านี้สร้างเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ ท่าเรือใหม่ ๆ  สนามบินที่กำลังขยาย เราก็จะรับมือนักท่องเที่ยวได้ทันที ปีนี้จึงได้นำชนเผ่ามาเยอะเลย เจตนาก็คือว่าคุณต้องลงชุมชนไง เพราะความจริงแท้ รากเหง้าของชุชนอยู่ที่นั่น เมื่อไปแล้วไม่ใช่แค่มาเที่ยว กินอาหารอร่อย ๆ แต่ให้คุณมาปรับประสบการณ์ใหม่ ๆ เราจึงเอาเจ้าของวัฒนรรมาเอง จึงไม่ใช่แค่เอามาโชว์ แต่ให้ผู้มาเที่ยวชมงานได้ลงมีอทำกันจริง ๆ"

                ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่าสำหรับคูหาประเทศไทยในปีนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่นการจัดงาน Thailand Mini Mart โดย ททท. เชิญบริษัทนำเที่ยวที่มีศักยภาพจากตลาดยุโรป (Buyer) เข้าร่วมงานจำนวน 30 ราย เพื่อพบปะเจรจาธุรกิจท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Sellers) มีกิจกรรมสาธิตภายใต้แนวคิด “Open to the New Shades of Thailand” เป็นการนำเสนอเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยงานหัตถกรรมของชาวปกาเกอะญอ จากชุมชนห้วยตองก๊อ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถร่วมกิจกรรมสาธิต การทำกำไล สร้อยคอและต่างหูด้วยลูกเดือย และลูกปัดสีและการปักชื่อบนย่ามผ้า ซึ่งทุกกิจกรรมใช้วัสดุจากธรรมชาติ ผสานภูมิปัญญาชาวบ้าน การแสดงทางวัฒนธรรมการจัดเคาน์เตอร์ให้บริการข้อมูลข่าวสารทางการท่องเที่ยว

                นอกจากนี้ ททท. ยังสำรองพื้นที่ขนาด 12 ตารางเมตร ภายใน LGBT Travel Pavilion (Hall 21.b) เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวรวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT ซึ่งนับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีกำลังซื้อสูง โดยดำเนินการเป็นปีที่ 2 หลังได้ผลการตอบรับและประสบความสำเร็จในระดับดีมาก ในปีที่ผ่านมา

                ผู้ว่าฯททท.ยังกล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 6,765,326 คน อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3.86 เมื่อเทียบกับปี 2560 ตลาดเยอรมันเป็นตลาดหลักอันดับ 3 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยมากที่สุดในภูมิภาคยุโรปรองจากรัสเซีย และสหราชอาณาจักร

                 “ตัวเลขปีที่แล้วประมาณ6.76ล้านคน รายได้ประมาณเกือบ5แสนล้าน ดังนั้นในปีนี้ททท.เราตั้งเป้าตัวเลขในแง่ของจำนวนจะเพิ่มประมาณ 6% ดังนั้นปีนี้เป้านักท่องเที่ยวจะต้องไม่ต่ำกว่า 7ล้านคนในขณะที่รายได้อยู่ที่ประมาณ5.4 แสนล้าน แต่จริง ๆ แล้วมันจะต้องแบ่งออกเป้นสองส่วนในส่วนตลาดยุโรปที่เป้นตลาดเดิมอย่างเยอรมัน 8 แสนกว่าก้ยังไม่ถึง9แสนสักที อังกฤษเป็นอันดับสองประมาณ 9 แสนก็ยังไม่ถึงล้านสักที ดังนั้นตัวเลขที่เพิ่มหลักจะมาทางยุโรปกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางออสเตรียม สโลวีเนีย เป้นตลาดที่เติบดตค่อนข้างดี อย่างปีที่แล้วเฉพาะยุโรปกลางอย่างเดียวโตขึ้นประมาณ20% เราจึงต้องรุกตลาดส่วนนี้มากขึ้น”ผู้ว่าฯททท.กล่าว

                 อย่างไรก็ตามในงานนี้ประเทศไทยยังรับรางวัล Connoisseur Circle Hospitality Awards 2019 ประเภท Special Awards: Best Destination of the Year โดยมี ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้แทนร่วมรับรางวัล ณ โรงแรม Sheraton Berlin Grand Hotel Esplanade กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงการจัดงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

                  โดยการมอบรางวัลดังกล่าวเริ่มจัดครั้งแรกในปี 2015 โดยนิตยสาร Connoisseur Circle ซึ่งเป็นนิตยสารกลุ่ม Luxury Lifestyles พิมพ์เผยแพร่ในตลาดที่ใช้ภาษาเยอรมัน (ประเทศเยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ และออสเตรีย) เกณฑ์การตัดสินรางวัลพิจารณาจากความเห็น (reviews) ของนักเขียนและนักข่าวสายการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่เดินทางบ่อย ๆ และจากเว็บไซต์ Trust You ซึ่งเป็นดิจิตัลแพลทฟอร์มที่รวมรวมและบริหารจัดการความเห็นเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงธุรกิจโรงแรมหรือแหล่งท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยว 

                  อย่างไรก็ตามในโอกาสนี้ ททท. ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีเสด็จเข้าร่วมงาน เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยและพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศอีกด้วย

                 สำหรับงาน ITB Berlin เป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2509 และปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 53 โดย ททท. เข้าร่วมงานเป็นครั้งที่ 45 กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรมส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว การเจรจาธุรกิจ การสัมมนาเชิงวิชาการในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่นทิศทางการตลาด การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ฯลฯ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 180 ประเทศทั่วโลก

    

                              

                                                ร้องรัฐลงทุนสร้าง"ท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว"

 

     ชำนาญ ศรีสวัสดิ์หรือโกจง ประธานสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคประเทศ กล่าวระหว่างนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน ประกอบด้วยกระบี่ พังงาและภูเก็ต โรดโชว์ในงาน ITB2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธสาธารณรัฐเยอรมัน โดยระบุถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในวันนี้าถ้ารัฐบาลเอาการท่องที่ยวนำสามารถรุ่งแน่ เพราะว่าการที่นักท่องเที่ยวเขามาเป็นจำนวนมากทำให้สินค้าขายไเด้คนมีงานทำ แต่ว่าเราต้องสร้างความเป็นมาตรฐานในทุกส่วยนไม่ว่าภาครัฐและเอกชน ต้องเพิ่มศักยภาพของบุคคลหรือกลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพอย่างเพียงพอ 

      “วันนี้ถ้าเราเอาการท่องเที่ยวนำและช่วยกันสร้างความประทับใจ ช่วยกันทำมาตรฐานที่จับต้องได้ สร้างความประทับใจขับเคลื่อนให้เป้นชิ้นเป็นอัน ถ้าเรามองการท่องเที่ยวเป็นเสาหลัก  การขับเคลื่อนก็ต้องเป็นเสาหลักด้วย  ถ้าทำอย่างนี้ได้มันจะช่วยประเทศนี้ได้ยิ่งใหญ่มาก”

     เขายอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา สาเหตุมาจากความไม่มีมาตรฐานในทุก ๆ อย่าง โดยยกตัวอย่างสนามบินต้องขยายช่องการให้บริการเข้าออกเพิ่ม การจัดโซนพื้นที่จำหน่ายสินค้าชุมชนใ ภายในสนามบิน หรือการสร้างท่าเรือขนาดเล็กเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะไม่ใช้ร่วมกับเรือประมงหรือเรืออื่น ๆ  โดยปรับรูปแบบให้ดูสวยงาม  อย่างนี้เป็นต้น โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างท่าเรือเพื่ิอการท่องเที่ยวในสถานที่ท่งอเที่ยวทางทะเลในทุกจังหวัด เพื่อจะได้สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน

    "อยากเรียกรัฐบาลทำมาตรฐานในสองอย่างคือมาตรฐานของบุคลากรและมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะการสร้างเรือเพื่อการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เป็นท่าเรือเล็ก ๆ แต่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและดูสวยงาม  ไม่ใช่มีเอาแค่แท่งปูนมาวางเหมือนทุกวันนี้  นี่คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการอย่างพวกเราเรียกร้องกันมานาน" 

                                                                          

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ