ข่าว

 เปิดโลก"เทคโนฯอัจฉริยะ"แห่งอนาคต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 เปิดโลก"เทคโนฯอัจฉริยะ"แห่งอนาคต   ผ่านงานจักรกล"อีโม ฮันโนเวอร์ 2019"

 

            งานแสดงสินค้า EMO Hannover 2019 ครั้งที่ 22 ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อขับเคลื่อนการผลิตแห่งอนาคต” ที่จะเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 16-21 กันยายน 2562 ที่เมืองฮันโนเวอร์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะมีการจัดงานแสดงสินค้าชั้นนำของโลกด้านโลหการขึ้นในเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก 

 เปิดโลก"เทคโนฯอัจฉริยะ"แห่งอนาคต

 

         “บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีเพื่อการผลิตหลักๆ ทั้งหมดจะนำสินค้าและบริการของตนมานำเสนอในงานแสดงสินค้าครั้งนี้ที่ฮันโนเวอร์ ซึ่งจะเป็นงานที่มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไว้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ท่านจะพลาดชมไม่ได้เลย”

           คริสตอฟ มิลเลอร์ กรรมการผู้จัดการงานแสดงสินค้า อีโม ฮันโนเวอร์ ของสมาคมผู้ผลิตเครื่องจักรกลเยอรมัน (German Machine Tool Builders’ Association) กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทย ณ โรงแรมอีสเทิร์น แกรนด์ สาทร เมื่อวันที่ 18 มกราคม ว่า อีโม ฮันโนเวอร์ เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมโลหการระหว่างประเทศเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีอยู่ในขณะนี้  ซึ่งแตกต่างจากงานแสดงสินค้านานาชาติอื่นๆ ตรงที่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานที่มีเป้าหมายทางการค้าจากทั่วโลกมาร่วมได้ด้วย โดยในปี 2560 มีผู้เข้าชมงานประมาณ 130,000 คน หรือเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศกว่า 160 ประเทศทั่วโลก โดยผู้จัดแสดงสินค้าที่มาจากประเทศต่างๆ มีสัดส่วนสูงถึง 64% ของผู้จัดแสดงทั้งหมด

          จากข้อมูลการลงทะเบียนผู้จัดแสดงสินค้าเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พบว่ามีผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 1,780 ราย จาก 41 ประเทศ มีทั้งบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดด้านเทคโนโลยีทุกประเภท เช่น DMG Mori, FFG, Mazak, Siemens, Grob, Doosan, Fanuc, Okuma, Makino, Index, GF Machining Solutions, Chiron, Trumpf, SLM, Stra-tasys, Paul Horn, Iscar, Sandvik, Kuka และบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีบริษัทใหม่ๆ ที่เข้าร่วมจัดแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

           มิลเลอร์ย้ำว่า อีโม ฮันโนเวอร์ เป็นพื้นที่จัดแสดงนวัตกรรมเครื่องจักรกล โซลูชั่นและบริการด้านโลหการ ในปี 2560 ร้อยละ 72 ของผู้จัดแสดงสินค้าได้จัดแสดงนวัตกรรมที่ได้พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับอีโม ฮันโนเวอร์ โดยเฉพาะ และเป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นในงานแสดงสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะการจัดแสดงเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งอีโม ฮันโนเวอร์ ได้หยิบยกประเด็นที่ท้าทายที่สุดของอุตสาหกรรมโลหการ ภายใต้แนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อผลักดันการผลิตแห่งอนาคต

            ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวตัดสินความสำเร็จของโรงงานอัจฉริยะได้แก่การสร้างเครือข่ายอย่างกว้างขวางระหว่างผู้คน โรงงานผลิตและกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ และครอบคลุมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งการสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมโลหการนั้นได้ทวีความสำคัญมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ จนทำให้เราสามารถจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เกิดขึ้นได้ ตามที่สถาบันวิจัยการตลาดระหว่างประเทศได้ประเมินและคาดการณ์ไว้ พบว่าภายในปี 2020 จะมีเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อบริษัทเอกชนและวงการอุตสาหกรรมทั่วโลกได้ถึง 30,000 ล้านราย

               “เทคโนโลยีอัจฉริยะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การผลิตมีคุณภาพและความคล่องตัวที่สูงขึ้น” มิลเลอร์ย้ำ โดยทั้งหมดเป็นเป้าหมายการพัฒนาทางเทคโนโลยีการผลิตใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการสร้างเครือข่ายโรงงานอัจฉริยะในการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานรูปแบบใหม่ๆ เช่น การติดตามกระบวนการผลิตหรือการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการทำให้เครื่องจักรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง  ผ่านการใช้ข้อมูลอัจฉริยะและการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ยังเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การสร้างโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น แพลตฟอร์มทางเศรษฐกิจที่อนุญาตให้ลูกค้าและผู้จัดหาวัสดุสามารถพัฒนาการทำงานของตนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในระดับต่อไป

            โดยผู้จัดแสดงของอีโมเกือบทุกรายให้ความสำคัญกับการนำเสนอโซลูชันสร้างสรรค์แบบใหม่ๆ เป็นลำดับแรก แนวคิด New Industry 4.0 กำลังถูกนำไปใช้ในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมโลหการ ทั้งในด้านเครื่องจักร ส่วนประกอบ การควบคุม ระบบวัดและการไหลของวัสดุในกระบวนการผลิต ซึ่งมิลเลอร์ย้ำว่า 

            “เราเชื่อมั่นว่า อีโม ฮันโนเวอร์ 2019 จะเป็นจุดเชื่อมโยงของข้อเสนอและโซลูชันใหม่ๆ สำหรับโรงงานอัจฉริยะ ผู้วางแผนการผลิตในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่จะลงทุนในเครื่องจักรกล แต่ยังต้องการแสวงหาโซลูชั่นแบบบูรณาการด้วย ไม่มีงานแสดงสินค้าอื่นใดที่สามารถนำเสนอโซลูชันดังกล่าวได้อย่างครอบคลุมและเข้มข้นได้เท่ากับ อีโม ฮันโนเวอร์” คริสตอฟ มิลเลอร์ กล่าวย้ำทิ้งท้าย

 

                                             

                        เยอรมันชี้“ไทย”วางพื้นฐานเอื้อเติบโตทางศก.ในอนาคต

            แม้เศรษฐกิจโลกจะเคลื่อนตัวช้าลง แต่ยอดการใช้เครื่องจักรกลยังเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2562 สำหรับประเทศไทยจากการศึกษาข้อมูลของสถาบันออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ประจำไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 2.8 และการลงทุนจะเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกัน ทั้งนี้ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการใช้เครื่องจักรกลจะเพิ่มสูงกว่านั้นมาก โดยจะเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.2 และ 3.6 ตามลำดับ

             คริสตอฟ มิลเลอร์ ได้วิเคราะห์เศรษฐกิจประเทศไทย โดยระบุว่า ตามข้อสังเกตของ GTAI – Germany Trade & Invest คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง ปัจจัยที่จะช่วยให้มีการเติบโตเช่นนี้ได้แก่ การลงทุนในอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยจะลงทุนถึง 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการขยายสนามบิน สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงและท่าเรือเดินทะเล และจะมีการลงทุนจากภาคเอกชนอีก 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างเมืองและโรงพยาบาลใหม่ๆ ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญของ GTAI ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้เกิดโครงสร้างอุตสาหกรรมที่กว้างขวางมากกว่าเดิมเพราะการลงทุนภายในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างมากนี้เอง จึงทำให้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาผ่านนักลงทุนจากต่างประเทศ

              “ในปี 2560 ประเทศไทยมีการนำเข้าเครื่องจักรกลต่างๆ ที่มีมูลค่าถึง 819 ล้านยูโร โดยเยอรมนีมีสัดส่วนในการเป็นผู้จัดหาเครื่องจักรกลระหว่างประเทศที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 6 เป็นซัพพลายเออร์ที่สำคัญลำดับที่ 4 เยอรมนีมีปริมาณการจัดส่งสินค้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44 ในปี 2560 แต่สัดส่วนการเติบโตนี้ได้ลดลงในไตรมาสแรกของปี 2561 สินค้าที่อุตสาหกรรมโลหการในประเทศไทยสั่งซื้อจากเยอรมนีส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนเครื่องจักรกลและอุปกรณ์เสริมต่างๆ เครื่องขัดและเครื่องขึ้นรูปโอกาสทางธุรกิจระยะกลางจัดว่าดีมาก”

             มิลเลอร์สรุปว่าเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าบรรยากาศทางเศรษฐกิจนั้นส่งสัญญาณที่ดีว่าผู้จัดแสดงและผู้เข้าชมงานชาวไทยจะได้รับประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุดจากการเข้าร่วมงานจากสถิติย้อนหลังของงานอีโม ฮันโนเวอร์ ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2560 มีผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตประมาณ 280 คนได้เดินทางจากประเทศไทยไปยังฮันโนเวอร์เพื่อชมงาน อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดงานได้ที่ www.emo-hannover.de/bilddatenbank หรือหอการค้าเยอรมัน-ไทย  ชั้น 14 เอไอเอ สาทรทาวเวอร์ สาทรใต้ กรุงเทพฯ โทร.0-2055-0600 ในวันและเวลาราชการ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ