ข่าว

"เอกชน"ชูระบบสหกรณ์ดันตลาดส่งออกสินค้าเกษตร!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เอกชน"หนุนกรมส่งเสริมสหกรณ์โต้โผใหญ่ดันตลาดสินค้าทะเล-โคเนื้อรูปแบบประชารัฐภายใต้แบรนด์"Fish Coop และ E-coop Beef"ผนึกความร่วมมือเชื่อมเครือข่าย


               5 พฤศจิกายน 2561 2561นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อสนองนโยบายการตลาดนำการผลิต กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ผนึกความร่วมมือ ในการทำตลาดสินค้าอาหารทะเลและโคเนื้อในรูปแบบประชารัฐร่วมกับภาคเอกชน

 

 

               ชุมนุมสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำกัด และชุมนุมสหกรณ์ประมงแห่งประเทศไทย จำกัด ในรูปแบบการทำตลาดภายใต้กลไกลประชารัฐ เพื่อมุ่งผลักดันส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศภายใต้แบรนด์ "Fish Coop และ E-coop Beef" โดยมีสินค้าเป้าหมาย ได้แก่  สินค้าประมง เช่น ปลานิล ปลากระพง กุ้งก้ามกราม เป็นสินค้าที่มีการส่งออกที่สำคัญมีมูลค่าการส่งออกไม่น้อยกว่าปีละ 50,000 ล้านบาท  ปัจจุบันมีสหกรณ์ประมงที่ดำเนินธุรกิจ 69 แห่งสมาชิก 17,989 ราย ส่วนสินค้าปศุสัตว์ คือ โคเนื้อซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ในประเทศ   แต่ละปีมีการส่งออกโคเนื้อประมาณ 150,000 ตัว มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 60,000-70,000 ล้านบาท 
  

 

               ทั้งนี้ ภายใต้ความความร่วมมือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะให้การสนับสนุนและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศให้กับสหกรณ์ พร้อมทั้งแสงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเข้ามาช่วยผลักดันและขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าประมงและปศุสัตว์ให้กับสหกรณ์ต่างๆ ส่วนชุมนุมสหกรณ์ประมงแห่งประเทศไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำกัด มีหน้าที่ให้การสนับสนุนและบริหารจัดการผลิตและการแปรรูปของสมาชิกสหกรณ์ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ 

 

"เอกชน"ชูระบบสหกรณ์ดันตลาดส่งออกสินค้าเกษตร!!

 

              นายวณิชย์ โสวนะปรีชา เจ้าของเกษตรสมบูรณ์ฟาร์ม กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรสมบูรณ์ฟาร์มเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกุ้งก้ามกราม ปลากะพง ปลานิลโดยมีสมาชิกกว่า 100ราย ผลผลิตทั้งหมดจำหน่ายตลาดในประเทศประมาณ  400-500 ตัน/ปี  โดยมีตลาดหลักคือห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีและโลตัส  ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นเคยส่งประเทศเทศเกาหลีอยู่พักหนึ่งแล้วมีปัญหาเลยหยุดชะงักไป

 

              ดังนั้น จึงมีความคาดหวังว่าการบันทึกข้อตกลงร่วมมือการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าประมงและปศุสัตว์สหกรณ์ว่าด้วยกลไกประชารัฐในครั้งนี้  กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเข้ามีช่วยในเรื่องขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรในยังตลาดต่างประเทศ  และช่วยเจรจาแก้ไขข้อจำกัดต่างๆที่ภาคเอกชนเคยมีให้มีความสะดวกและคล่องตัวในการส่งออกได้มากขึ้น   
  

              “ที่ผ่านมาสินค้าเกษตรไทยมักประสบปัญหามาโดยตลอด ภาคเอกชนต้องช่วยตัวเองในการทำตลาดหรืออาศัยพ่อค้าคนกลางในการระบายสินค้าออกสู่ตลาด  ทำให้ได้ราคาต่ำการที่กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการตลาดจะทำให้ผู้ประกอบการมีตลาดที่แข็งแรงและราคามีเสถียรภาพในระยาวขึ้นอย่างแน่นอน”นายวณิชย์ กล่าว 

 

 

"เอกชน"ชูระบบสหกรณ์ดันตลาดส่งออกสินค้าเกษตร!!

 

              นายประโยชน์ โสรัจจกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท  เอ็น แอนด์ เจ อควา โปรดักส์ จำกัด และประธานกลุ่มเครือข่ายปลากะพงยักษ์แปลงใหญ่ ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  กล่าวว่า  การหันมาร่วมมือภายใต้กลไกประชารัฐระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์และผู้ประกอบการสินค้าประมงในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ให้แต่ละฝ่ายทั้งผู้ประกอบการ เจ้าของฟาร์ม หน่วยงานภาครัฐเข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลทางด้านการผลิต  การตลาด การตลาดร่วมกันเพื่อผนึกความร่วมมือด้านประชารัฐให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  โดยมีภาครัฐเข้ามาเสริมบทบาทอาทิองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.)และกรมส่งเสริมสหกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาคเกษตรกร ภาคเอกชน และภาครัฐบาล เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มแปลงใหญ่มีความเข้มแข็งสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จ

 

              ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงยักษ์แหล่งสำคัญของประเทศ โดยตนและสมาชิกกว่า 32รายได้รวมผลิตภายใต้กลุ่มเครือข่ายปลากะพงยักษ์แปลงใหญ่รวมพื้นที่ประมาณ 555 ไร่ ได้ทำการเลี้ยงปลากะพงแล้วนำมาไปแปรรูปครบวงจรจำหน่ายในตลาดทั่วประเทศได้ โดยมีตลาดหลักๆคือ  ร้านอาหารในจังหวัดเกือบทั้งหมด ห้างฟู๊ดแลนด์ บาร์บีคิว พลาซ่าและในอนาคตกำลังจำหน่ายให้กับซิซซ์เล่อร์ โดยปัจจุบันผลผลิตของสมาชิกในกลุ่มส่งปลาเข้าห้องเย็นสูงถึง 7,000 ตัน/ปี ซึ่งการเข้าสู่กลไกลประชารัฐในครั้งนี้ทางตนคาดว่าจะช่วยให้แนวโน้มการขยายตลาดให้เติบโตและให้กว้างขวางได้อีก  

              ขณะที่ นายปิติพงษ์ โรจนสุมาพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปิติสากลการประมง จำกัด  กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทปิติฯ ทำธุรกิจเกี่ยวกับแพปลาและเป็นผู้นำตลาดในการจำหน่ายสินค้าปลาน้ำจืด และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลทุกชนิด  ทั้งในรูปของผลิตภัณฑ์แช่แข็ง  เช่น ปลาตัวแช่แข็ง เนื้อปลาแช่แข็ง เนื้อกุ้งแช่แข็ง กุ้งเกล็ดขนมปังแช่แข็ง ลูกชิ้นกุ้งเกล็ดขนมปังแช่แข็ง ฯลฯ และผลิตภัณฑ์อาหารสดแปรรูป เช่น ลูกชิ้นกุ้ง ปลายอ ทอดมัน ฯลฯ ซึ่งมีทั้งการขายภายในประเทศ ส่งออกไปยังต่างประเทศ อีกทั้งยังรับจ้างผลิตสินค้าแปรรูปให้กับลูกค้าที่ต้องการด้วย  

 

             นอกจากนี้แล้ว บริษัทยังได้มีการดำเนินการขายผลิตภัณฑ์แปรรูปของบริษัทฯ ในลักษณะของการขายสินค้าปลีกแบบรถเข็นแฟรนไชน์ ภายใต้ชื่อ Bam’s Fish n’ chips ซึ่งเป็นการกระจายการขายสู่มือผู้บริโภคโดยตรงโดยมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ สุขอนามัย และราคาให้เป็นมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับสำหรับทั้งผู้เลี้ยงและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย    
         

 

"เอกชน"ชูระบบสหกรณ์ดันตลาดส่งออกสินค้าเกษตร!!

 

             นายปิติพงษ์ กล่าวอีกว่า โดยปัจจุบันมีกำลังลิตออกสู่ตลาดประมาณ 100ตัน/วันโดยต่างประเทศมีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศเกาหลีส่วนในประเทศจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นน้ำทุกแห่งภายใต้แบรนด์  “PT FOOD” การเข้ามาร่วมโครงการประชารัฐกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรไทยในต่างประเทศให้มีความกว้างขวางขึ้น  ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้ามาช่วยคือการเจรจาประสานงานในเรื่องระเบียบการส่งออกซึ่งยังมีปัญหายุ่งยากอยู่มาก ส่งผลให้ไม่เอื้อต่อการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาซึ่งข้อจำกัดตรงนี้อยากให้ทางกรมเข้ามาช่วยเหลือ     
 

 

             “อย่างไรก็ตาม อนาคตสินค้าเกษตรไทยจะไปรอดหรือไม่รอด  คงอาศัยความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเดียวไม่ได้  เกษตรกรเองก็ต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเองด้านการผลิตให้มีมาตรฐาน สะอาด ถูกสุขลักษณะ และถูกต้องตามระบบ GMPและต้องผลิตได้ในปริมาณที่สม่ำเสมอคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องกับที่ตลาดต้องการควบคู่กันด้วยถึงจะทำให้สินค้าเกษตรไทยมีอนาคตและมีตลาดที่ยั่งยืน”นายปิติพงษ์ กล่าว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ