ข่าว

ไตรมาส 2 "ซีพีเอฟ"ฟันกำไร 5,894 ล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ซีพีเอฟ"แจงไตรมาส 2 ปี 61 กำไรสุทธิ 5,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากปีก่อนผลจากกิจการต่างประเทศร้อยละ 16 ยอดขายกิจการประเทศไทยลดลงร้อยละ 5    

 

            14  สิงหาคม 2561 “ซีพีเอฟ”แจงไตรมาส 2 ปี 61 กำไรสุทธิ 5,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากปีก่อนผลจากกิจการต่างประเทศร้อยละ 16 ยอดขายกิจการประเทศไทยลดลงร้อยละ 5
 
 
 

 

           บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ “ซีพีเอฟ” ได้รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2561 ด้วยยอดขาย 136,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของกิจการต่างประเทศร้อยละ 16 ในขณะที่ยอดขายกิจการประเทศไทยลดลงร้อยละ 5  
 

           ทั้งนี้ยอดขายของซีพีเอฟเกิดจากกิจการต่างประเทศจำนวน 16 ประเทศร้อยละ 68 กิจการประเทศไทยร้อยละ 27 และจากการส่งออกจากประเทศไทยร้อยละ 5 ของยอดขายรวม โดยมียอดขายจาก 3 ประเทศหลัก คือ ประเทศไทย (ร้อยละ 32) สาธารณรัฐประชาชนจีน (ร้อยละ 26) และประเทศเวียดนาม (ร้อยละ 16) คิดเป็นประมาณร้อยละ 74 ของยอดขายรวม  
 
          สำหรับไตรมาส 2 ปี 2561 ซีพีเอฟรายงานกำไรสุทธิจำนวน 5,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 93 จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา กำไรสุทธิที่ดีขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานของกิจการในประเทศเวียดนามที่เข้าสู่ภาวะปกติ  

 

ไตรมาส 2 "ซีพีเอฟ"ฟันกำไร 5,894 ล้านบาท
 

 

            นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า ภาวะเนื้อสัตว์ล้นตลาดในหลายประเทศเป็นปัจจัยหลักในการกดดันผลการดำเนินงานของซีพีเอฟตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2559 ที่เกิดภาวะผลผลิตสุกรล้นตลาดในประเทศเวียดนาม และเริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะผลผลิตสุกรและไก่เนื้อล้นตลาดในประเทศไทยในช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนเมษายนปีนี้ราคาเนื้อสุกรในทั้ง 2 ประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเหนือต้นทุนการผลิต

 

           โดยเฉพาะราคาสุกรในประเทศเวียดนามได้มีการปรับมาอยู่ในภาวะปกติ อันเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟดีขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้ และคาดว่าน่าจะยังคงดีต่อเนื่องถึงปี 2562 โดยราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศไทยมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมาและน่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการในครึ่งหลังของปีจะดีกว่าช่วงที่ผ่านมา  


 
           สำหรับวิกฤตค่าเงินของประเทศตุรกีนั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในประเทศตุรกี ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 3 ของยอดขายรวม เนื่องจากกิจการของบริษัทเน้นการผลิตและจำหน่ายในประเทศตุรกีเป็นหลัก และได้ปรับโครงสร้างทางการเงินในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้น่าจะส่งผลดีให้กับกิจการในประเทศตุรกีส่งออกได้เพิ่มขึ้น  

 

ไตรมาส 2 "ซีพีเอฟ"ฟันกำไร 5,894 ล้านบาท


 
           นายสุขสันต์ กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นครัวของโลกอย่างยั่งยืน บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย สามารถตรวสอบย้อยกลับได้ และยึดมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลและรับผิดชอบต่อสังคมรอบด้าน บนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยจะสะท้อนให้เห็นจากการได้รับการยอมรับด้านความยั่งยืนจากองค์กรทั้งในประเทศและระดับโลกในด้านต่าง ๆ อันรวมถึง การได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนีความยั่งยืน DJSI และล่าสุดได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก FTSE4Good เป็นปีที่สองติดต่อกัน  


 
          ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท โดยกำหนดให้วันที่ 29 สิงหาคม 2561 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (XD วันที่ 28 สิงหาคม 2561) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2561

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ