นายกฯ ลงนามร่วมทุน "แอร์บัส" ตั้งนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เล็งเป็นศูนย์กลาง หนุน EEC
อุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ระบุ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงร่วมทุนก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา หรือเอ็มอาร์โอ เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยระดับโลก ระหว่างการบินไทย และบริษัท แอร์บัส ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส
โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะเป็นศูนย์ซ่อมที่มีความทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะสามารถซ่อมได้ทั้งการซ่อมบำรุงใหญ่ และการซ่อมบำรุงอากาศยานระดับลานจอด โดยสามารถซ่อมให้แล้วเสร็จได้ที่อากาศยานสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างทุกประเภท โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องบิน ตลอดจนเทคนิคการตรวจสอบ รวมถึงการใช้โดรนตรวจสอบโครงสร้างของเครื่องบินอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีโรงซ่อมอากาศยานเฉพาะด้าน ได้แก่ ศูนย์ซ่อมโครงสร้างคอมโพสิต และศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบำรุงที่ครบวงจรสำหรับช่างเทคนิคทั้งจากในประเทศไทยและต่างประเทศ
การร่วมทุนระหว่างการบินไทยและแอร์บัสในครั้งนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในประเทศ โดยจำนวนเครื่องบินลำตัวกว้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า หรือ 4,800 ลำ ในอีก 20 ปีข้างหน้า และยังส่งผลดีต่อแผนพัฒนา EEC ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและบริการโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศไทยให้ไปสู่ระดับโลกระบุ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงร่วมทุนก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา หรือเอ็มอาร์โอ เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัยระดับโลก ระหว่างการบินไทย และบริษัท แอร์บัส ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส
โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะเป็นศูนย์ซ่อมที่มีความทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะสามารถซ่อมได้ทั้งการซ่อมบำรุงใหญ่ และการซ่อมบำรุงอากาศยานระดับลานจอด โดยสามารถซ่อมให้แล้วเสร็จได้ที่อากาศยานสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างทุกประเภท โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องบิน ตลอดจนเทคนิคการตรวจสอบ รวมถึงการใช้โดรนตรวจสอบโครงสร้างของเครื่องบินอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีโรงซ่อมอากาศยานเฉพาะด้าน ได้แก่ ศูนย์ซ่อมโครงสร้างคอมโพสิต และศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบำรุงที่ครบวงจรสำหรับช่างเทคนิคทั้งจากในประเทศไทยและต่างประเทศ
การร่วมทุนระหว่างการบินไทยและแอร์บัสในครั้งนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในประเทศ โดยจำนวนเครื่องบินลำตัวกว้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า หรือ 4,800 ลำ ในอีก 20 ปีข้างหน้า และยังส่งผลดีต่อแผนพัฒนา EEC ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและบริการโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศไทยให้ไปสู่ระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง