"พาณิชย์ "จับมือผู้ประกอบการโคนมบุกตลาดต่างประเทศใช้ประโยชน์ FTA สร้างโอกาสผลิตภัณฑ์ เอกชนรวมตัวทำแปลงใหญ่ลดต้นทุน ภาระเกษตรกร ผุดโมเดลเรียนรู้
21 มิถุนายน 2561 "พาณิชย์ "จับมือผู้ประกอบการโคนมบุกตลาดต่างประเทศ ใช้ประโยชน์ FTAสร้างโอกาสผลิตภัณฑ์ ขยายตลาด เพิ่มความสามารถการแข่งขัน ด้านเอกชนรวมตัวทำแปลงใหญ่ลดต้นทุน ภาระเกษตรกร
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ทั้งการเปิดประตูการค้า ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งการเจรจาการค้าในเวทีโลก ภูมิภาค และการเจรจาเพื่อเสริมสร้างยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าสำคัญ
โดยมีแผนงานสำคัญที่จะดำเนินการ ในด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แผนงานด้านการเสริมสร้างความรู้และความพร้อมรองรับการเปิดเสรีการค้า ดำเนินโครงการ “จับมือผู้ประกอบการโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จาก FTA” เพื่อสร้างโอกาสให้กับสินค้านมและผลิตภัณฑ์นม และหาช่องทางขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย
ทั้งนี้ได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น โคนมและโคเนื้อ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดตลาดสินค้านมและเนื้อโคภายใต้ FTA ที่ไทยจัดทำไว้กับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และใช้โอกาสจากการลดภาษีของจีนและอาเซียนในการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านและจีน ล่าสุด ได้นำผู้ประกอบการร่วมแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์นมครั้งแรกในงาน THAIFEX ซึ่งประสบผลสำเร็จ โดยมีผู้สนใจสั่งซื้อนม UHT ทั้งจากห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านสะดวกซื้อภายในประเทศ รวมทั้งผู้สนใจนำเข้าของสิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา จีนไทเป ฮ่องกง และจีน
นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และที่ปรึกษาฟาร์ม M milk บริษัท เมรี่ แอน แดรี่ จำกัด กล่าวถึง การบริหารจัดการฟาร์มโคสาวทดแทนลดต้นทุนและภาระของเกษตรกร ว่า การเลี้ยงโคนมของที่นี่จะให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำคืออายุโคสามเดือนไปจนถึงสามารถรีดนมได้ สิ่งสำคัญนั่นก็คืออาหารทีเอ็มอาร์ ด้วยการผสมอาหารข้นและหยาบและให้อาหารตามแต่ละช่วงวัย เช่น โคอายุสามเดือนถึงสิบแปดเดือนจะใช้อาหารหยาบคุณภาพเช่นข้าวโพด หญ้าเนเปียร์ ตลอดจนอาหารจากปลายโพรดักซ์คือ สับปะรด อาหารที่ให้โคในแต่ละวัยจะมีผลต่อสุขภาพสัตว์และคุณภาพน้ำนม โดยโคนมทดแทนทั้งหมดจะนำมาจากเกษตรกรทั่วทุกภูมิภาคเช่น ลพบุรี นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์และจะเลี้ยงเฉพาะวัวรีดเท่านั้น
"การเลี้ยงโคนมเพื่อผลิตน้ำนมดิบ(โครงการโคสาวทดแทนฝูง)ดำเนินการโดย " M Milk Dairy Farm " ได้รับลูกโคหย่านมอายุ 4 เดือนและโครุ่นอายุ 10 - 14 เดือนเลี้ยงด้วยอาหารหยาบและต้นทุนต่ำ คัดเลือกโคด้วยการเจาะเลือดตรวจ โรคแท้งติดต่อ โรควัณโรคและคัดเลือกยีนให้ผลิตสูง ยีนทนร้อน และยีนเต้านมอักเสบต่ำ คัดเลือกน้ำเชื้อแยกเพศ(เพศเมีย)และการย้ายฝากตัวอ่อน เพื่อให้ได้แม่โคที่มีคุณภาพและการขยายฝูงได้อย่างรวดเร็ว มีเป้าหมายเลี้ยงโคนม 2,000 แม่รีด "
สำหรับอาหารหยาบเราใช้วัตถุดิบ ประกอบด้วยหญ้าเนเปียร์ เปลือกสับปะรด เปลือกข้าวโพด รำอ่อน มันเส้น ทั้งนี้จะมีการส่งเสริมปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง โดยบริษัทจัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์และลงทุนเครื่องจักรเพื่อผลิตอาหารหยาบพร้อมทั้งได้จัดส่งอาหารให้ถึงฟาร์มเกษตรกรโดยตรงทำให้ช่วยลดต้นทุน ข้าวโพดหมัก(คอร์นไซเลจ) อาหารหยาบคุณภาพดี สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวโพดสำหรับฟาร์ม 200 ไร่ ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 6.5 ตันต่อไร่ เริ่มตัดต้นข้าวโพดพร้อมฝักที่อายุ 80-90วัน หรือระยะน้ำนม 50 %
ในส่วนของต้นทุนราคาข้าวโพด จะอยู่ที่แปดร้อยบาทต่อตัน โดยมีค่าจ้างรถเก็บเกี่ยว หนึ่งร้อยห้าสิบบาทต่อตัน ค่าจ้างรถขนส่ง สองร้อยบาทต่อตัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหมัก 150 บาทต่อตันค่าเปอร์เซ็นต์การสูญเสีย 150 บาท รวมต้นทุน ข้าวโพด 1,450 บาทการให้อาหารจะอยู่ที่ 35 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน หรือประมาณ 10 ตันต่อวัน ซึ่งนมที่รีดจะส่งให้โรงงานแปรรูป และผู้ประกอบการ โดยโคหนึ่งตัวให้ปริมาณน้ำนม 12 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน
"ส่วนราคาโคโดยประมาณตั้งแต่แรกเกิดถึงสามารถรีดนมได้ราคาตัวละ 50,000 บาท สำหรับฟาร์มนี้เราต้องการสร้างภาพการเลี้ยงวัวสู่มาตรฐานให้ลดการกีดกันทางการค้าฟาร์มเราดูแลตั้งแต่ฟาร์มไปจนถึงการผลิตนมเพื่อแข็งขัน ตลอดจนให้คนดื่มนมมีคุณภาพ เราทุ่มเทมาตลอด 2 - 3 ปีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ในการดำนินการทั้งเครื่องจักรที่ทันสมัย มีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ โรงงานแปรูปนม และเป็นนมฟรีแลคโตส น้ำนมมีคุณภาพดีกว่านำเข้าจากต่างประเทศ"
"นอกจากนี้การทำฟาร์มที่นี่จะเน้นแปลงใหญ่เพราะข้อดีคือการลดต้นทุนและเป็นผู้ประกอบการรรายใหญ่ แต่เดิมต่างคนต่างเลี้ยงและทำฟาร์มของตนเองทำให้มีปัญหาต้นทุนสูงรวมทั้งจะทำโมเดลเป็นที่การเรียนรู้ให้เกษตรกร และในขณะนี้ ประชาชนนิยมดื่มนมมากขึ้นคิดเป็น 6.5 % ส่วนการเติบโตของน้ำนมดิบอยู่ที่ 7-8 % ส่วนการส่งออกน้ำนมดิบอยู่ที่ 15 % ซึ่งถือว่าน้อย โดยส่งไปที่มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ในปริมาณที่ต่างกัน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง