ใบเสร็จชี้ "อสมท' 2 มาตรฐาน

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจรายงานว่า    กรณีบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด จะดำเนินการทาง กฎหมายกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ฐานความผิดตามมาตรา 157 เนื่องจากเห็นว่าการเรียกเก็บค่าเช่าใช้บริการโครงข่ายใช้ความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลไม่มีความเป็นธรรม คิดค่าบริการแต่ละรายไม่เท่าเทียมกัน
 “ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบพบหลักฐานใบแจ้งหนี้ที่อสมท เรียกเก็บเงินจากบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด และบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ในอัตราที่แตกต่างกัน โดย อสมท เรียกเก็บค่าบริการโครงข่ายใช้ความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลกับสปริงนิวส์ช่อง 19 งวดละ 4,851,600 บาท เมื่อรวมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 340,312 บาท สปริงนิวส์ต้องจ่ายเงินค่าบริการโครงข่ายให้อสมท เป็นเงินทั้งสิ้น 5,201,912 บาท

 ขณะที่อสมท เก็บค่าบริการ โครงข่ายกับ บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ช่อง 21 งวดละ 4,370,000 บาท เมื่อรวมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวน 305,900 บาท วอยซ์ ทีวี จ่ายค่าบริการโครงข่ายให้อสมท ทั้งสิ้น 4,675,900 บาท

     เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนที่ อสมท เรียกเก็บค่าบริการ โครงข่ายจากทั้ง 2 บริษัท พบว่า สปริงนิวส์ต้องจ่ายให้กับอสมท สูงกว่าวอยซ์ ทีวี งวดละ 526,012 บาท ทั้งๆ ที่ทั้ง 2 ช่องเป็นผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลความคมชัดปกติ ที่ได้รับใบอนุญาต หมวดหมู่ข่าวสารและสาระเหมือนกัน

     “การเก็บค่าเช่าโครงข่ายในอัตราที่แตกต่างกันของอสมท น่าจะขัดกับมติและเจตนารมณ์ของ กสทช. ที่ต้องการให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยผู้ประกอบการที่ใช้บริการโครงข่ายเดียวกันมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่เท่ากัน”

     นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อสมท อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียดของเงื่อนไขสัญญาที่มีขึ้นระหว่างสปริงนิวส์และอสมท คาดว่าจะเสร็จและมีข้อสรุปใน 1-2 วันนี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อหาทางออกร่วมกัน

 ส่วนกรณีอสมท เก็บค่าบริการแต่ละรายไม่เท่ากันนายเขมทัตต์ ระบุว่า ในช่วงที่เซ็นสัญญา ตนยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่จึงไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องขอไปศึกษาในรายละเอียดก่อน แต่โดยหลักการผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่มาใช้บริการโครงข่ายในการออกอากาศทีวีดิจิตอลหรือมัค แต่ละราย มีความต้องการไม่เหมือนกัน มีการต่อรองและมีระยะเวลาที่แตกต่างกัน จึงต้องเข้าไปดูเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งการที่กสทช. ออกมาทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาร่วมกับสปริงนิวส์และอสมท เป็นการส่งสัญญาณที่ดี เพราะกสทช.มีหน้าที่กำกับ ดูแล ส่งเสริมผู้ประกอบการให้ดำเนินการได้อยู่แล้ว

     “อสมท เป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องดำเนินการภายใต้กฎระเบียบต่างๆ ที่ผ่านมาการค้างชำระค่าเช่าโครงข่ายกว่า 104 ล้านบาท เป็นมูลหนี้ราว 80% ส่วนอีก 20% เป็นดอกเบี้ย อสมท เองต้องการหาข้อยุติเพื่อให้

    เกิดผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย และการที่กสทช. เข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าจะมีทางออกที่ดีร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้”
 ด้านพ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ช่อง 19 จอไม่ดำ เนื่อง จากเมื่อเร็วๆ นี้ กสทช.ได้เชิญผู้บริหาร อสมท และ สปริงนิวส์ มาเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางออกเรื่องวิธีการชำระหนี้ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างเจรจา

     “เรื่องนี้เดี๋ยวก็ตกลงกันได้” พ.อ.ดร.นที กล่าว ก่อนหน้านี้นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี กรรมการบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัท ในฐานะผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ได้พยายามเจรจายุติปัญหามา โดยเจรจาร่วมกับฝ่ายบริหาร อสมท เพื่อจัดทำแผนการชำระค่าโครงข่ายมาโดยตลอด มีการทำหนังสือขอขยายระยะเวลาการชำระอย่างเป็นทางการรวม 8 ครั้ง และขอปรับลดอัตราค่าบริการที่เห็นว่าไม่เป็นธรรมอีก 2 ครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากทาง อสมท

     นางสาววทันยา ยืนยันว่า สปริงนิวส์ ไม่มีนโยบายที่จะไม่ชำระหนี้หรือย้ายโครงข่าย เพียงต้องการให้เกิดความเป็นธรรมและระยะเวลาที่เหมาะสมกับภาวะธุรกิจที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว การเรียกเก็บค่าบริการโครงข่ายของ อสมท ที่ผ่านมา ไม่เพียงมีความไม่ สมเหตุสมผล ทั้งด้านประสิทธิภาพ และการครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ ซึ่งเป็นข้อถกเถียงที่นำมาสู่การเจรจาขอปรับลดค่าบริการกับผู้ใช้โครงข่ายเกือบทุกราย

     นอกจากนี้ตั้งแต่เริ่มออกอากาศจนปัจจุบัน พบว่ามีการเรียกเก็บค่าบริการที่แตกต่างกันในแต่ละราย ซึ่งกรณีบริษัท กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการทาง กฎหมายต่อไป ทั้งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 157 เนื่องจากเห็นว่าการเรียกเก็บค่าบริการของ อสมท ที่ผ่านมา ไม่มีความเป็นธรรม คิดค่าบริการไม่เท่าเทียมกันในแต่ละราย และไม่สอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่พยายามแก้ปัญหาทีวีดิจิตอล โดยปรับลดภาระผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ และยังอยู่ระหว่างที่มอบหมายให้ กสทช. ดำเนินการหาวิธีให้ทุกโครงข่ายปรับลดค่าเช่าลงให้เป็นธรรม หลังพบข้อเท็จจริงว่าการลงทุนของทุกโครงข่ายตํ่ากว่าที่ประมาณการไว้เดิม