ข่าว

นายกฯปลื้มจีดีพีไตรมาส1 ไทยนิยมแสนล้านต่อยอดฐานราก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกฯปลื้มจีดีพีไตรมาส1 ไทยนิยมแสนล้านต่อยอดฐานราก

 

“ประยุทธ์” ปลื้มจีดีพีไตรมาส 1 ขยายตัว 4.8% หวังไทยนิยมต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก กำชับเดินหน้าไทยนิยม สั่ง 7 รัฐมนตรี แจงความพร้อมโครงการหลังงบประมาณกลางปี 1.5 แสนล้านพร้อมเบิกจ่าย ขีดเส้น ก.ย.นี้เบิกงบแสนล้านบาท “อภิศักดิ์” ตั้งเป้าลดคนใต้เส้นยากจน 50% ใน 1 ปี เกษตรชี้อบรมเกษตรกรสร้างเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท พร้อมอนุมัติงบหมู่บ้านละ 3 แสน พ.ค.นี้ 

การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการนิยมที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นแนวทางการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ได้มีการรายงานความคืบหน้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปี การควบคุมอำนาจบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (22 พ.ค.) ว่า เศรษฐกิจไตรมาส 1 ปีนี้ที่ขยายตัวถึง 4.8 % สูงสุดรอบ 5 ปี ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่รัฐบาลมาบริหารงาน แต่ในระดับล่างจะเติมด้วยโครงการไทยนิยมยั่งยืนเพื่อให้กระจายรายได้ สร้างงานอาชีพ ปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งให้ประชาชนในพื้นที่

“ทุกหน่วยงานต้องไปดูโครงการที่ประชาชนต้องการที่ที่ประชุมร่วมของหน่วยราชการในพื้นที่ ประชาชน และคณะกรรมการไทยนิยมยั่งยืน มีมติเห็นชอบแผนงาน-โครงการ และอนุมัติงบประมาณออกมา เพื่อเพิ่มเติมต่อยอดจาก 4.8 % ที่มันดีขึ้น”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน 7 คน แถลงความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนภายหลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2561 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทมีผลบังคับใช้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นแต่รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการกระจายตัวของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งโครงการไทยนิยิมยั่งยืนที่รัฐบาลจัดสรรงบ 1 แสนล้านบาท จากงบกลางปี 1.5 แสนล้านบาท พร้อมที่จะเบิกจ่าย โดยจะให้ส่วนราชการที่ลงไปสำรวจข้อมูลและความต้องการของชุมชนก่อนหน้านี้เสนอโครงการมาในเดือน พ.ค.นี้ คาดว่าจะเบิกจ่ายงบได้ทั้งหมดภายในเดือน ส.ค.นี้ หรือภายใน 120 วัน และในเดือน ก.ย.เงินต้องลงสู่พื้นที่ทั้งหมด

กระทรวงมหาดไทยมีโครงการจัดงบลงไปหมู่บ้านและตำบลละ 200,000 บาท ในการทำโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนและสร้างอาชีพ และการพัฒนาสินค้าโอทอปเพื่อการท่องเที่ยวให้เป็นโอทอปวิลเลจ 3,000 ชุมชน

7แสนคนไม่ต้องการฝึกอาชีพ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ดี ซึ่งหมายถึงความร่ำรวยในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจมีมากขึ้น ซึ่งหากเศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่สูงก็จะเกิดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจได้มาก โดยการที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึ 4.8% โดยธรรมชาติแล้วความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจะขยายตัวไปสู่ระดับล่างได้มากขึ้นแต่รัฐบาลไม่รอ โดยการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านโครงการไทยนิยมยั่งยืนจะสร้างการกระจายตัวทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนระดับฐานราก

ทั้งนี้ ปี 2560 มีการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ซึ่งโครงการไทยนิยมยั่งยืนของกระทรวงการคลัง ได้นำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาดำเนินการต่อเฟส 2 วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท โดยให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยมาเพิ่มทักษะอาชีพ โดยรัฐบาลจะเพิ่มวงเงินให้เดือนละ 100–200 บาท มีผู้มาลงทะเบียนและสัมภาษณ์ 7.2 ล้านคน โดยมีเป้าหมายหลังเสริมอาชีพจะทำให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับ 30,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 4.8 ล้านคน มีรายได้เพิ่มขึ้นจนพ้นจากระดับความยากจน 50% ภายใน 1 ปี

ส่วนเป้าหมายการทำงานของกระทรวงการคลังจะลดสัดส่วนผู้มีรายได้อยู่ใต้เส้นความยากจนลงไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งได้สั่งการให้ลงไปเก็บข้อมูลเพิ่มสำหรับผู้มีรายได้น้อยในวัยแรงงาน 7 แสนคนที่ไม่ประสงค์ฝึกอาชีพเพิ่มเติม

เกษตรกรรับเงินรายหัว1,200บาท

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้รับงบไทยนิยม 2.4 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้อุดหนุนงบให้สหกรณ์ 307 แห่ง วงเงิน 1,700 ล้านบาท ในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตร และพัฒนาแหล่งน้ำ 1.3 หมื่นล้านบาท

ส่วนงบฝึกอบรมและพัฒนาอาชีพให้แก่เกษตรกร และสร้างความรู้ให้กับเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกโดยจะให้งบประมาณในการฝึกอบรม 1,200 บาทต่อคน ให้แก่เกษตรกร 2.1 ล้านคนในการอบรมวันละ 300 บาท โดยงบประมาณในส่วนนี้จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 5.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ได้รับงบไทยนิยมยั่งยืน 2 หมื่นล้านบาท โดยจะจัดสรรให้กับหมู่บ้าน 7.9 หมื่นหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 300,000 บาท ซึ่งจะเริ่มอนุมัติโครงการในเดือน พ.ค.นี้หลังมีประกาศหลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการโดยถือว่าเป็นโครงการหมู่บ้านประชารัฐระยะที่ 3 ในรัฐบาลนี้

จัดงบ3พันล้านสูบน้ำแสงอาทิตย์

นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับงบ 821 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ จะเน้นไปที่การพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนให้เกิดความยั่งยืน รวมทั้งจะร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำการตลาดให้ชุมชนท่องเที่ยวด้วย

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้รับงบ 3,000ล้านบาท ทำสถานีสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ 5,000ชุด ให้เกษตรกรสูบน้ำใช้โดยไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า ใช้งานได้นาน 20 ปี 

นายสุวพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 79,000 แห่ง ของบได้แห่งละ 300,000 บาท รวม 20,000ล้านบาทเพื่อเอาไปต่อยอดโครงการประชารัฐ ส่วนกอบศักดิ์ กล่าวว่า จะร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำบิ๊กดาต้าข้อมูลของพื้นที่ในชนบท ในอนาคตจะได้เห็นว่าแต่ละพื้นที่มีพัฒนาการอย่างไรบ้าง

นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า สศช.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เสนอร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ ครม.พิจารณา โดย ครม.เห็นชอบเป้าหมายสำคัญ 6 ด้าน เช่น การยกระดับประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว  และ ครม.มอบหมายให้ สศช.นำข้อเสนอของ 30 หน่วยงาน มาพิจารณา เช่น ตัวชี้วัดการปฏิบัติตามร่างยุทธศาสตร์ชาติ โดยเสนอ ครม.อีกครั้งในวันที่ 5 มิ.ย.ก่อนที่เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 8 มิ.ย.และ สนช.จะใช้เวลาพิจารณา 1 เดือนและคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเดือน ก.ค.–ส.ค.นี้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ