ข่าว

ชงพรบ.ขายฝาก แก้ที่ดินหลุดมือ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชงพรบ.ขายฝาก แก้ที่ดินหลุดมือ

 

รัฐบาลดันพ.ร.บ.คุ้มครองขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรฯ แก้ปัญหาที่ดินเกษตรหลุดมือวางเกณฑ์สกัดนายทุนให้นำสัญญาไปตรวจสอบโดยนักกฎหมาย– นิติกรที่สำนักงานที่ดิน

 

 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบยกร่างพ.ร.บ.คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยเพราะเกษตรกรมีปัญหาที่ดินหลุดมือสู่นายทุนซึ่งปัจจุบันมีที่ดิน300 ล้านไร่ เป็นที่ดินเกษตรกรรม150 ล้านไร่เป็นที่ดินที่เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์40 ล้านไร่ส่วนอีก 70 ล้านไร่ เกษตรกรเช่าเกษตรและอีก 30 ล้านไร่ติดสัญญาจำนองหรือขายฝากซึ่งมีเกษตรกรหลายแสนรายที่เมี่ยงที่ดินหลุดมือ

ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.กำหนดสาระสำคัญ 4 ส่วน คือ 1.ให้การขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญาตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค โดยการทำสัญญาผ่านการตรวจสอบจากนิติกรหรือพนักงานที่ดิน ก่อนจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน

2.การแก้ไขข้อตกลงเพิ่มต้องได้รับการตรวจสอบจากนิติกรหรือเจ้าพนักงานที่ดินและถ้ากำหนดให้ผู้ขายสละสิทธิ์การไถ่ถอนที่ดินให้ถือเป็นโมฆะ 3.กำหนดเวลาสัญญาไม่ต่ำกว่า 1 ปีหรือ 1 ปี 6 เดือนเพราะที่ผ่านมามีการทำสัญญาเพียง 3–4 เดือน เพื่อเอาเปรียบเกษตรกรที่ต้องทำสัญญาใหม่และเก็บเงินค่าทำสัญญาใหม่สูงเกินจริง

4.กรณีผู้ขายฝากแสดงเจตนาไถ่ทรัพย์สินตามกำหนดเวลาแต่ผู้ซื้อฝากบอกปัดหรือหลีกเลี่ยงให้ผู้ขายฝากวางสินไถ่ไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ ซึ่งเดิมต้องวางทรัพย์ที่จังหวัด แต่ร่าง พ.ร.บ.นี้กำหนดให้วางที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)เพื่อช่วยให้ผู้ขายฝากมายื่นหลักทรัพย์ไถ่ถอนและไม่ให้นายทุนใช้เป็นข้ออ้างยึดที่ดินโดยง่าย

“กฎหมายขายฝากที่มีอยู่ไม่สามารถป้องกันให้เกษตรกรสูญเสียที่ดินได้ รัฐบาลจึงยกร่างกฎหมายขึ้นมาซึ่งเคยมีความพยายามแก้ไขมากว่า 50 ปีแต่ขณะนี้คืบหน้ามากและนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการและจะเสนอ ครม.ใน 1–2 เดือน และคาดว่ามีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ซึ่งจะแก้ไขปัญหาสูญเสียที่ดินเกษตรกรได้มาก”

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขกฎหมายการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการปลูกไม้มีค่าที่เดิมให้แต่มีการปลูกแต่ไม่ให้มีการตัด ซึ่งการกำหนดกฎหมายลักษณะนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งต้องการไม้มากขึ้นและกรมป่าไม้คาดว่าปริมาณความต้องการไม้จะเพิ่มขึ้นจาก 58 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 160 ล้านลูกบาศก์เมตรใน 20 ปี โดยคณะกรรมการปฏิรูปสังคมได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นตรงกันว่าต้องแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ให้เอื้อต่อการปลูกไม้มีค่าและตัดได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเอื้อให้เกิดการทำสวนป่าเศรษฐกิจซึ่งมีพื้นที่พร้อมอยู่แล้ว 2 ล้านไร่ และเสนอ ครม.ได้ภายใน 2 เดือน

นายกอบศักดิ์กล่าวว่าในส่วนของกฎหมายฉบับที่ 3 ที่มีการเห็นชอบให้เร่งรัดได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการปรับปรุงการทำงานของรัฐบาลให้สอดคล้องกับการนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยจะออกร่าง พรฎ.ให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) มาอยู่ในการกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นหน่วยงานหลักปฏิรูประบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และทำบิ๊กดาต้าของภาครัฐ และจะเสนอ ครม.เห็นชอบภายใน 1 เดือน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ