โกง'วัคซีนพิษสุนัขบ้า'14.9ล.ต่อปี

 

กระทรวงเกษตรฯ เตรียมเปิดผลสอบโกงวัคซีนพิษสุนัขบ้า เผยพบมีความผิด-เฉพาะปี 59 จัดซื้อวัคซีนไม่มีหนังสือรับรองจาก อย. สูญเงิน 14.9 ล้านบาท ขณะที่ปี 60 พบภรรยาอดีตรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เกี่ยวข้องจัดซื้อวัคซีน “กฤษฎา” ยัน ไม่ปกป้องคนผิด ด้านกลุ่มคนรักสัตว์ จี้ปลดอธิบดีปศุสัตว์ภายใน 7 วัน เหตุบริหารผิดพลาด-ใช้วัคซีนเสื่อมคุณภาพ-สถานการณ์แพร่ระบาดเพิ่ม เปิดทางข้าราชการเข้าให้ข้อมูล

ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการทุจริตการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งล่าสุดกลุ่ม 8 องค์กรพันธมิตรคนรักสัตว์ นำโดยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีการเรียกร้องขอให้เปิดเผยผลสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีข้าราชการกรมปศุสัตว์ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีน ฮั้วประมูลจัดซื้อวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพ และการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีน ตั้งแต่ ปี 2559 ถึง ปี 2561

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า เรื่องดังกล่าวปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่มีนาย สุรพงษ์ เจียสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ 

โดยผลสอบในเบื้องต้นพบว่ามีความผิดจริงแต่การจัดซื้อไม่ได้อยู่ในยุคของ น.สพ.อภัย สุทธิสังค์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ คนปัจจุบัน และจากการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า อย.ไม่รับรองคุณภาพวัคซีนของกรมปศุสัตว์ที่ประมูลซื้อในปี 2559 หากข้อมูลที่รายงานเป็นจริง ต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง คณะกรรมการจัดซื้อวัคซีนในปี 2559 ทั้งชุดและจะไม่มีการปกป้องใดๆทั้งสิ้น

“การจัดซื้อวัคซีนในปี 2559 จำนวน 1 ล้านโดส ทาง อย.เรียกเพราะไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องดูก่อนว่าเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย และเงื่อนไข คำสั่ง คสช.ที่ให้ย้ายนายอภัย ออกจากตำแหน่งก่อนได้หรือไม่ หากต้องทำก็ต้องดำเนินการตามนั้น โดยกระบวนการตรวจสอบอยู่ในอำนาจปลัดกระทรวงซึ่งทั้งหมดต้องดูข้อเท็จจริงก่อน ประเด็นสำคัญต้องดูในทีโออาร์ เป็นเรื่องเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นตามข้อกำหนดหรือไม่” นายกฤษฎา กล่าว

ด้าน นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า จะเปิดเผยผลสรุปอย่างเป็นทางการภายใน 2-3 วันนี้ ถ้าเป็นไปตามข้อปรากฏตามหลักฐานใหม่ ที่กลุ่มคนรักสัตว์นำมาให้ข้อมูลเพิ่ม จะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการ สั่งโยกย้าย หรือให้ออกจากตำแหน่ง ตามองค์ประกอบ ตามหลักฐานข้อเท็จจริงต่อไป

‘คนรักสัตว์’จี้ย้ายอธิบดีเปิดทางสอบ

ขณะที่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้นำหนังสือรายงานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แจ้งว่าในปี 2558-2559 กรมปศุสัตว์จัดซื้อ 2 ล้านโดส และโดนเรียกคืน 1 ล้านโดส มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรพิจารณา มีข้อที่น่าแปลกใจคือภาคใต้ ไม่ได้รับวัคซีนจากกรมปศุสัตว์ รวมทั้งการนำวัคซีนไปฉีดให้กับสัตว์ ต้องฉีดเข็มแรกสร้างภูมิคุ้มกันและอีกระยะต้องฉีดเข็มที่สองจึงป้องกันโรคได้ ดังนั้นสิ่งที่กรมปศุสัตว์ บอกว่าสุนัขทุกตัวสร้างภูมิคุ้มกันได้เอง จึงไม่เป็นความจริง

นอกจากนี้ ในสมัยที่น.สพ.อภัย เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ เคยนำวัคซีนคนละยี่ห้อกับบริษัทที่ถูกประมูล และนำวัคซีนล็อตที่ไม่มีคุณภาพ นำมาใช้ฉีดให้กับสุนัข ถือเป็นความผิดพลาด 

ขณะที่ การบริหารงานกรมปศุสัตว์ในยุคอธิบดีคนปัจจุบันซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จึงเห็นว่าหากไม่โยกย้ายออกจากตำแหน่งก่อน จะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาให้ข้อมูล โดยเฉพาะข้าราชการระดับล่าง 3 คน ที่เป็นจัดซื้อ และนำรายชื่อมาเป็นหลักฐานเพิ่มเพื่อกันตัวเป็นพยานจะไม่กล้าเข้ามาให้ข้อมูล จึงเรียกร้องให้ย้ายอธิบดีปศุสัตว์ภายใน 7 วัน อย่างไรก็ดีตนได้รับความหวังดีจากข้าราชการในกรมปศุสัตว์ ที่ส่งหลักฐานเอกสารมาให้เป็นระยะ

 

‘ภรรยา’อดีตรองอธิบดีเอี่ยวจัดซื้อวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลการสอบสวนในส่วนกรมปศุสัตว์ ได้ชี้แจงข้อมูลกระบวนการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ซึ่งเป็นหน่วยงานภายในสังกัดกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานในการจัดซื้อ ซึ่งจัดซื้อวัคซีนขนาดบรรจุขวดละ 1 ซีซี จำนวน 1 ล้านขวด ได้ดำเนินการผ่านการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ งบประมาณปีละ 15 ล้านบาท 

โดย ปี 2559 กรมปศุสัตว์ จัดซื้อ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจากบริษัทโปรนาวิน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดจำนวน 1 ล้านขวด เป็นเงินกว่า 14.9 ล้าน ปี 2560 จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจากบริษัท เวท อะกริเทค จำกัด จำนวน 1 ล้านขวดเป็นเงินกว่า 14.9 ล้านบาท ปี2561 จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จาก วิกรมวาณิชจำกัด จำนวนกว่า 14.9 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับวัคซีน ที่จัดซื้อในปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบวัคซีนที่มีความเข้มข้นต่ำกว่ามาตรฐานนั้น เป็นวัคซีนของบริษัท โปรนาวิน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำนวน 1 ล้านขวด จำนวนเงินกว่า 14.9 ล้านบาท ส่วนปี 2560 สำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวัคซีน คือ ภรรยาของ นายไพโรจน์ เฮงแสงชัย อดีตรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ซึ่งปัจจุบันถูกโยกย้าย ให้ไปรับตำแหน่งรองอธิบดีกรมหม่อนไหมปี 2560 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ