ไฟเขียวแก้พรบ.กองทุนฯขรก. เปิดทางกบข.ตั้งบล.บริหารเงิน

ครม.ไฟเขียวแก้ พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เปิดทาง กบข.ตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รับบริหารเงินให้หน่วยงานภาครัฐและบุคคลภายนอกเพื่อสร้างรายได้ เปิดช่องนำเงินสำรองกองทุนลงทุนในหุ้นกู้เอกชนได้ จากเดิมลงทุนได้เฉพาะพันธบัตรรัฐ ขยายเพดานเงินออมจาก 15% เป็น 30% พร้อมทั้งเปิดรับเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาออมต่อใน กบข.ได้กรณีย้ายจากภาคเอกชนมารับราชการ   

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (24 เม.ย.)มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่..) พ.ศ.... ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสถาการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป 

สำหรับสาระสำคัญที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ร.บ.กบข.ฉบับใหม่ ได้แก่ การกำหนดให้กองทุน กบข.สามารถจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำกัด เพื่อเป็นกลไกของ กบข.ในการลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์ตอบแทนจากทรัพย์สินของ กบข.รวมทั้งสามารถรับบริหารเงินลงทุนของบุคคลภายนอกและหน่วยงานภาครัฐได้เช่นเดียวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำกัดที่อาจมีการจัดตั้งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นลูกค้าที่เป็นกองทุนของหน่วยงานภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งรวมถึงการบริหารเงินทุนของ กบข.ด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกองทุนของหน่วยงานภาครัฐที่จะร่วมกับ กบข.ในการสร้างขนาดเงินลงทุน (AUM) ให้มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับอำนาจการต่อรองทางธุรกิจในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมีขนาดหลักทรัพย์ทางเลือกในอนาคต 

ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่าในการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของ กบข.จะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุน กบข.ที่จะต้องสามารถดำเนินงานให้นำผลประโยชน์ในรูปของเงินปันผลกลับคืนมาให้แก่กองทุนและสมาชิกของกองทุนซึ่งเป็นข้าราชการ ซึ่งกรณีที่บริหารเงินทุนให้กับบุคคลภายนอกจะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนด้วย 

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ระบุว่าการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะต้องได้รับใบอนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ปี 2535 ซึ่งจะต้องมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงที่กำหนดให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสอดคล้องกับอายุของสมาชิกในแต่ละช่วงอายุด้วย 

นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการฉบับใหม่ได้กำหนดให้มีการแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการบริหารเงินทุนสำรองและบัญชีเงินกองกลางของกองทุนฯที่เป็นเงินที่กันไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่นในปีที่มีวิกฤตเศรษฐกิจและรัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินสมทบได้ ซึ่งเดิมกำหนดให้มีการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนได้เฉพาะสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตรของรัฐบาล แต่ใน พ.ร.บ.ฉบับใหม่กำหนดให้สามารถนำเงินทุนสำรองส่วนนี้ไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่มีความมั่นคงแต่มีผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน หุ้นกู้ของภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งคณะกรรมการ กบข.จะต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์การลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งได้มีการขยายเพดานการออมเงินของสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ (กบข.) จากเดิมที่กำหนดเพดานการออมไว้ที่ 15% ให้ขยายเป็น 30% รวมทั้งกำหนดให้ 

นอกจากนั้น ยังกำหนดให้สมาชิกซึ่งมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ได้เกษียณอายุราชการ เนื่องจากดำรงตำแหน่งในบางหน่วยงานราชการที่มีการกำหนดการเกษียณอายุหลัง 60 ปีเช่นหน่วยงานศาลยุติธรรม ตุลาการ และอัยการ ให้สามารถขอรับผลประโยชน์ เงินสมทบ และผลประโยชน์จากกองทุนได้โดยที่ยังไม่ต้องรอให้เกษียณจากราชการ 

รวมทั้งกำหนดให้บุคคลที่เพิ่งมาเข้ารับราชการใหม่สามารถโอนเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้มีการออมระหว่างการทำงานกับภาคเอกชนในระหว่างที่ยังไม่ได้เป็นข้าราชการมายังกองทุนกบข. เพื่อให้สามารถออมเงินเพื่อการเกษียณได้ต่อเนื่องและไม่เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยได้มีการแก้ไขสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ให้กำหนดประเภททรัพย์สินของกองทุนฯที่ประกอบไปด้วยเงินของสมาชิกที่โอนย้ายมาทั้งจำนวนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่นๆที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือการชราภาพตามที่คณะกรรมการกำหนด