ข่าว

 เปิดแผนการลงทุน"เทสโก้ โลตัส"ปี61

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 เปิดแผนการลงทุนเทสโก้ปี61 มุ่ง3ภารกิจตอกย้ำบริการลูกค้ายุค4.0

               เทสโก้ โลตัส เดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าในยุค 4.0  มุ่งเน้น 3 ภารกิจ ความสะดวกสบายของลูกค้า การขยายช่องทางแบบออมนิแชนแนล (omni-channel) พัฒนาประสบการณ์การช็อปปิ้งทุกแพลตฟอร์ม ยึดมั่นในคุณภาพสินค้าในราคาที่เอื้อมถึงได้  พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำการสร้างประโยชน์ให้แก่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยการช่วยเหลือเกษตรกร เอสเอ็มอี และการเข้าถึงชุมชน  

 

                 “ทิศทางการลงทุนของเทสโก้ในปี 2561 เราจะมุ่งเน้นใน 3 ส่วน อันดับแรกคือความสะดวกสบายของลูกค้าที่มาใช้บริการ แบ่งเป็นร้านค้าจริงและออนไลน์ โดยร้านค้าจริงในปีนี้เราจะเปิดพื้นที่เพิ่มอีก 40% ส่วนออนไลน์ก็จะซื้อขายผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งมีทั้งลูกค้ามารับสินค้าเองและบริการส่งถึงบ้าน ต่อมาคุณภาพของสินค้าและความคุ้มค่าที่ผ่านการคัดสรรอย่างดีในราคาที่เหมะสม โดยปีนี้เราจะลงทุนเพิ่มในด้านโลจิสติกส์ ขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตสู่ศูนย์กระจายสินค้าในคุณภาพที่เหมือนเดิม และสุดท้ายคือความยั่งยืนซึ่งเป็นนโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด”

              สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหารเทสโก้ โลตัส แถลงแผนการลงทุน “เทสโก้ โลตัส" ในปี 2561 วานนี้ (23 มี.ค.) โดยมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น จึงมองหาวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ได้ดีที่สุดหรือที่เรียกว่าลูกค้ายุค 4.0 โดยสิ่งที่ลูกค้ายุคใหม่ต้องการก็คือ ความสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านทั้งช่องทางสาขาในรูปแบบต่างๆ และช่องทางออนไลน์ นอกจากนั้นแล้วลูกค้ายุคใหม่ยังให้ความสำคัญในความคุ้มค่าซึ่งต้องมาพร้อมคุณภาพสินค้าที่ดีและประสบการณ์ที่ดี 

            “เทสโก้ โลตัส มีช่องทางค้าปลีกที่หลากหลายตั้งแต่ร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางไปจนถึงร้านเอ็กซ์เพรสซึ่งมีขนาดเล็กและเรายังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของตนเอง รวมถึงช่องทางมาร์เก็ตเพลสของพันธมิตร ในปัจจุบ้นเราพบว่า ลูกค้าจำนวนมากขึ้น หรือประมาณ 40% ของฐานลูกค้าเทสโก้ โลตัส ซื้อสินค้าผ่านหลายช่องทาง และด้วยการที่เทสโก้ โลตัส มีช่องทางหลากหลายรูปแบบเราจึงสามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายที่ลูกค้ามองหาจากการสามารถซื้อของได้ทุกที่และทุกเวลา" 

           ซีอีโอเทสโก้เผยต่อว่า ปี 2561 จะมุ่งเน้นการขยายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการปรับปรุงสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุค 4.0 ได้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการขยายช่องทางค้าปลีกแล้ว เทสโก้ โลตัส ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาประสบการณ์แบบออมนิแชนแนลที่ไร้รอยต่อ ผ่านเครื่องมือทางดิจิทัลและโปรแกรมคลับการ์ดที่จะเชื่อมต่อช่องทางต่างๆ  และเพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้าอีกด้วย 

          “งบประมาณลงทุนสำหรับปีงบประมาณ 2561 ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการเปิดสาขาใหม่ โดยนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าและประชาชนในการเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างงานในท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากการเปิดสาขาใหม่แล้ว เทสโก้ โลตัส ยังมีแผนในการปรับปรุงสาขาเดิมอีกประมาณ 120 แห่ง ทั้งในด้านการปรับโฉมและเพิ่มบริการใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกอาหารสด รวมไปถึงการปรับพื้นที่จำหน่ายสินค้าเพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ลูกค้ามากขึ้น” 

         สมพงษ์ยังกล่าวถึงคุณภาพสินค้าและความคุ้มค่า ซึ่งเทสโก้ โลตัส ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าทำให้เราสามารถสร้างความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพและราคาสินค้า หนึ่งในแคมเปญสำคัญคือโรลแบ็กที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนในการพัฒนาโปรแกรมคลับการ์ดซึ่งมีสมาชิกกว่า 15 ล้านคน ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิก

        “สิ่งที่เป็นพื้นฐานของธุรกิจของเราคือ การดำเนินงานด้วยปรัชญาความยั่งยืน เน้นความโปร่งใส และยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจ เราเชื่อว่า ความช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมของเราได้ โครงการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านคนกลาง ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ ในปี 2560 เทสโก้ โลตัส รับซื้อผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์โดยตรงจากเกษตรกรปริมาณกว่า 200,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นกว่า 30% เรายังให้การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีโดยการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าและร่วมงานกันในการผลิตสินค้าแบรนด์เทสโก้ รวมไปถึงการให้ความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าและคุณภาพให้เทียบเท่าระดับสากล”

          นอกจากนี้เทสโก้ยังประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำลดการทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้ โดยปัจจุบันร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 40 สาขา บริจาคอาหารให้มูลนิธิและผู้ยากไร้ภายใต้ ‘โครงการกินได้ ไม่ทิ้งกัน’ โดยมีเป้าหมายขยายการบริจาคอาหารให้ครอบคลุมทุกสาขาในอนาคต ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากขยะอาหารแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้มีอาหารคุณภาพดีรับประทาน 

       ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคมโดยการเชิญชวนลูกค้าร่วมบริจาคมื้ออาหารที่มีประโยชน์แก่เด็กที่ด้อยโอกาสทั่วประเทศ ซึ่งเชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจและการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นทุกวันจะต้องควบคู่กับการสร้างประโยชน์และการเติบโตที่ยั่งยืนให้แก่สังคมไทย 

 

          สำหรับเทสโก้ โลตัส ผู้นำวงการค้าปลีกในประเทศไทย ปัจจุบันมีสาขากว่า 1,950 สาขาทั่วประเทศ โดยมีร้านค้า 5 ฟอร์แมตเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า ได้แก่ พลัส มอลล์, เอ็กซ์ตร้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ตลาด และเอ็กซ์เพรส โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 15 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีช่องทางจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัล 2 ช่องทางหลัก คือ เทสโก้ โลตัส ช็อป ออนไลน์ ซึ่งมีสินค้ามากกว่า 20,000 รายการ รวมถึงอาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภค และร้านค้าของเทสโก้ โลตัส บนเว็บไซต์ลาซาด้า ซึ่งมีสินค้ามากกว่า 12,000 รายการ อาทิ ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม 

 สหกรณ์จันท์จับมือโมเดิร์นเทรดรับซื้อผลผลิต 

           ศศิธร วิเศษ   สหกรณ์จังหวัดจันทบุรี เผยปริมาณผลผลิตผลไม้ใน 3 สหกรณ์ของ จ.จันทบุรี ที่ลงนามเอ็มโอยูกับห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งประกอบด้วยสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัด สหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเมืองขลุง จำกัด ในปีนี้คาดว่าปริมาณผลผลิตจะลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 40% โดยปีที่แล้วมีปริมาณรวมกว่า 10,000 ตัน แบ่งเป็นสหกรณ์การเกษตรคิฌชกูฏ จำกัด มากที่สุด  5,000 ตัน รองลงมาสหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด 3,000 ตัน และสหกรณ์การเกษตรเมืองขลุง จำกัด อีก 1,000 กว่าตัน ทำให้ผลผลิตที่เข้าสู่ห้างโมเดิร์นเทรดปีนี้จึงมีปริมาณลดลง  ในขณะที่สมาชิกสหกรณ์ก็มีทางเลือกมากขึ้น ทั้งการซื้อขายทางออนไลน์และจำนวนล้งที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก 

        “เรื่องราคาปีนี้ไม่น่าห่วงผลไม้ทุกชนิดราคาดีหมด ส่วนหนึ่งผลผลิตออกมาน้อยแล้วก็มีช่องทางตลาดมากขึ้น เช่น มังคุดปีนี้ลดลงเยอะ แต่ละสวนมีไม่ถึง 40% ทำให้ขายได้ราคาสูง ช่วงนี้หน้าสวนจะอยู่ที่ 60-80 บาทต่อกิโลกรัม เงาะราคาอยู่ที่ 40-60 บาทต่อกิโลกรัม ปีนี้ถือว่าราคาดีในทุกชนิดสินค้า”

        สหกรณ์จังหวัดจันทบุรีระบุอีกว่า การรวมกลุ่มจัดจำหน่ายในนามสหกรณ์ถือเป็นผลดีต่อสมาชิกทำให้มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น นอกจากนี้ทั้ง 3 สหกรณ์ดังกล่าวจะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงตลาดระหว่างสหกรณ์ต่างๆ ทั้งประเทศอีกด้วย โดยสหกรณ์คิฌชกูฏจะรับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง ขณะที่สหกรณ์มะขามดูแลภาคอีสานและสหกรณ์เมืองขลุงจะดูแลภาคใต้ในการเชื่อมเครือข่ายดูแลตลาดผลไม้ นอกเหนือจากออเดอร์ที่จัดส่งให้ห้างโมเดิร์นเทรด

       “ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายนนี้ ทีมงานฝ่ายการตลาดของห้างแม็คโครจะลงพื้นที่มาดูปริมาณผลผลิตทั้ง 3 สหกรณ์ว่ามีผลผลิตมากน้อยแค่ไหน มาดูในทุกกระบวนการผลิตจากแปลงของสมาชิกจนถึงสถานที่เก็บรวบรวมสินค้าก่อนที่ห้างจะรับสินค้าไป เราลงนามซื้อขายกับห้างโมเดิร์นเทรดมากว่า 10 ปีแล้วถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสหกรณ์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีทางเลือกมากขึ้น เช่น การซื้อขายออนไลน์และล้งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น” ศศิธร กล่าวย้ำ

       รุ่งอรุณ บำรุงศิลป์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองขลุง จำกัด ต.ขลุง อ.ขลุง จ.จันทบุรี ระบุว่า สำหรับสหกรณ์เมืองขลุงนั้น ในวันที่ 27 เมษายนนี้ จะมีพิธีลงนามเอ็มโอยูเอ็มโอยูระหว่างห้างเทสโก้ โลตัส ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์รับซื้อผลผลิตจากสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตผลไม้รวมประมาณ 600 ตันใน 4 ชนิด ได้แก่ เงาะ มังคุด ลองกองและสละ ยกเว้นทุเรียน

        “ข้อดีการส่งห้างสมาชิกได้รับเงินแน่นอนแต่อาจจะช้าหน่อย และคู่ค้าจะได้สินค้าสด ใหม่ มีคุณภาพจากสวน ยอมรับว่าปีนี้ราคาหน้าสวนค่อนข้างจะดีเพราะผลผลิตมีน้อย เพราะฉะนั้นผู้บริโภคปลายทางหากซื้อผลไม้ในราคาที่แพงขึ้นก็ต้องยอมรับความจริงว่าปีนี้ผลไม้ทุกชนิดมีราคาสูงจากหน้าสวน” ผู้จัดการสหกรณ์เมืองขลุงสรุปทิ้งท้าย 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ