ข่าว

เตือน ! เสี่ยงสหกรณ์ลงทุนตลาดหุ้นติดตามข้อมูลใกล้ชิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ไม่พบ"สิ่งผิดปกติสหกรณ์ออมทรัพย์ตั้งกองทุนส่วนบุคคลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น180,000 ล้านบาทเตือนความเสี่ยงต้องติดตามภาวะการลงทุน ความผันผวนทางเศรษฐกิจใกล้ชิด

            21 เม.ย. 2561 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้เข้าตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ นำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ เพราะส่วนใหญ่ลงทุนตามข้อกำหนดชัดเจน  โดยเลือกลงทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง  

          อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งเตือนเรื่องการลงทุนมีความเสี่ยงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ตั้งกองทุนส่วนบุคคลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.สหกรณ์ มาตรา 62 (7) ซึ่งจะมีประกาศของคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติกำหนดรายละเอียดของการลงทุนไว้ชัดเจน ด้วยการให้สหกรณ์ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน (บลจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยหุ้นที่ลงทุนนั้น จะต้องเป็นหุ้นของบลจ.ที่ถูกจัดอันดับอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าเอลบ (A-)  และต้องเป็นหุ้นที่มีการค้ำประกัน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ และไม่ได้มีข้อกังวลแต่อย่างใด

 

          ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการลงทุนของสหกรณ์ต่าง ๆ ที่นำเงินไปลงในหุ้นนั้น พบว่า ปัจจุบันมีวงเงินรวมกันประมาณ 180,000 ล้านบาท และทั้งหมดเป็นการลงทุนในหุ้นที่ไม่ต่ำกว่าระดับ A- โดยบลจ.ส่วนใหญ่ที่ทางสหกรณ์นำเงินไปลงทุนถือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง จึงมีโอกาสเสียหายน้อย และความเสี่ยงน้อย ยกเว้นในกรณีของบริษัทเหล่านี้เกิดปัญหาและถูกจัดอันดับให้ต่ำลงจนถึงระดับบี (B) กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเข้าไปตรวจสอบและหาทางแก้ปัญหา แต่เหตุการณ์ในลักษณะนี้ที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดขึ้น แต่เพื่อสร้างความมั่นใจทางกรมส่งเสริมสหกรณ์จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

          กรณีที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ที่นำเงินลงไปหุ้นเหล่านี้ ยังอยู่ในระดับที่กรมฯ คุมได้ ถ้าสหกรณ์ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตามประกาศ แล้วมีการตรวจสอบอยู่เสมอ จะไม่มีความเสี่ยง ที่ผ่านมาเมื่อกรมฯ ไปตรวจเจอถ้าเป็นหุ้นเกรดต่ำกว่านี้ ก็สั่งให้แก้ไข ซึ่งการลงทุนนั้น นับว่ามีความเสี่ยง กรมฯ จึงเตือนสหกรณ์ต่าง ๆ ว่า ต้องติดตามสภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะมีความผันผวน โดยตลอด ไม่รู้ว่าโตขึ้นหรือไม่

 

          ถ้าเศรษฐกิจโตตลาดทุนก็ต้องการเงินขยายธุรกิจหุ้นขึ้น เมื่อเศรษฐกิจซบเซาหุ้นลง การลงทุนไม่มี ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ดอกเบี้ย 5-6% ก็หลือ 3-4% แล้วกรรมการที่บริหารสหกรณ์ก็ไปแบกรับความคาดหวังสมาชิกได้เงินปันผลต่อปี จึงอาจทำให้เกิดเสียหายขึ้นมาได้

 

          ในแนวทางการควบคุม ที่ผ่านมากรมฯ ควบคุมเฉพาะการลงทุนให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ  โดยไม่ได้จำกัดวงเงินการลงทุน เพราะการลงทุนในลักษณะนี้เมื่อก่อนปี 2542  ไม่เคยเกิดขึ้น จนกระทั่งหลังปี 2542 กฎหมายเปิดให้ลงทุนได้ และในช่วงประมาณ 3 - 4 ปีให้หลังมานี้ สหกรณ์ต่าง ๆ มีเงินอยู่ในระบบจำนวนมาก จึงหาช่องทางไปลงทุนต่อ แต่อย่างไรก็ดีในขณะนี้กรมฯยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการออกเกณฑ์มากำกับการลงทุนในหุ้นของสหกรณ์ไม่ให้เกิน 20% ของทุนเรือนหุ้นรวมทุนสำรอง คาดว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะได้ข้อสรุปและสามารถผลักดันออกมาได้

 

         เกณฑ์กำกับดังกล่าวเมื่อออกมาแล้วอาจทำให้สหกรณ์ประมาณ 10 แห่ง ได้รับผลกระทบ เพราะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเกินกว่า 20% ซึ่งจากการสำรวจพบว่า สหกรณ์เหล่านี้นำเงินไปลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหา กรมฯ กำลังหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางผ่อนเกณฑ์การบังคับ ด้วยการขยายเวลาให้สหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบสามารถปรับตัวได้ทัน และค่อย ๆ ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงปีละ 20% จนกลับเข้ามาอยู่ในระดับที่เกณฑ์กำหนด


    

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ