ข่าว

'สหกรณ์'ขนเงินลงทุนหุ้นตั้งไพรเวทฟันด์ให้มืออาชีพช่วยบริหาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'สหกรณ์'ขนเงินลงทุนหุ้นตั้งไพรเวทฟันด์ให้มืออาชีพช่วยบริหาร

 

สหกรณ์ออมทรัพย์ แห่ตั้งกองทุนส่วนบุคคลลงทุนตลาดหุ้น “เอ็มเอฟซี” ชี้หวังผลตอบแทนสูงขึ้น ขณะ บลจ.กสิกรไทย เผยเม็ดเงินใหม่จากสหกรณ์ฯ เพิ่มต่อเนื่อง ระบุแต่ละรายลงทุนหลัก 100-1,000 ล้าน ขณะข้อจำกัดการลงทุนสูง เผยลงได้เฉพาะหุ้นรัฐวิสาหกิจ-แบงก์ ถือไม่เกิน 10-12 ตัว ด้าน ‘เกศรา’ ชี้เป็นการจ้างมืออาชีพช่วยบริหาร

นายกิตติคม สุทธิวงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า บริการในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลพบว่า ช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าสหกรณ์ออมทรัพย์เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพื่อต้องการหาผลตอบแทนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 

“ระยะหลังเราพบว่าสหกรณ์เข้ามาลงทุนในตลาดมากขึ้น และยิ่งชัดเจนมาก หลังจากที่เกิดปัญหาสหกรณ์ขนาดใหญ่ในปีที่ผ่านมา ทำให้การหาผลตอบแทนในระดับที่สูงจึงทำได้ยากมากขึ้น กลุ่มสหกรณ์จึงมาหาผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยทดแทน”

นายกิตติคม กล่าวว่า การลงทุนของสหกรณ์นั้น นักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ชนะตลาดหุ้น หรือมีผลตอบแทนมากกว่า 4-5% โดยปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ประมาณ 5-6% ทำให้สหกรณ์ที่ลงทุนสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ แต่อย่างไรก็ตามสหกรณ์ยังมีข้อจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่มาก

นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้พบว่า พอร์ตกองทุนส่วนบุคคลของบริษัทในส่วนของลูกค้าสหกรณ์ออมทรัพย์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งจำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่มีเงินฝากจำนวนมาก ซึ่งเงินที่เหลือจากการปล่อยกู้แล้ว ส่วนใหญ่จะนำไปบริหารเพื่อหาผลตอบแทน ซึ่งก็มีมาลงทุนผ่านกองทุนรวมส่วนบุคคลเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ระดับต่ำ 

สำหรับกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ จะมีเงินลงทุนบริหารในกองทุนรวมส่วนบุคคล เฉลี่ยตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท ตามขนาดสหกรณ์ ซึ่ง มีความมั่นคงสูง โดยเงินลงทุนของสหกรณ์จะลงทุนในหุ้นไทย 100% มีหลักเกณฑ์สามารถลงทุนในหุ้นได้เฉพาะกลุ่มหุ้นรัฐวิสาหกิจ และธนาคารพาณิชย์ เท่านั้น หรือมีจำนวนหุ้นที่สามารถลงทุนได้ตามเกณฑ์ดังกล่าวเพียง 10-12 ตัว จากหุ้นในตลาดทั้งหมด 400 กว่าตัว

ทั้งนี้บริษัทมีกลยุทธ์ในการลงทุนดังกล่าว หาจังหวะเข้าออกให้ตามภาวะตลาดขึ้นลง ซื้อตอนราคาปรับลดลง และขายเมื่อราคาปรับขึ้น พยายามสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าที่สหกรณ์ต้องจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นที่ 4-6% ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทยังสามารถสร้างผลตอบแทนคาดหวังได้ 4-6 %หรือมากกว่า ซึ่งในภาวะตลาดผันผวนปีนี้ มองว่า น่าจะสามารถหาจังหวะเข้าออกทำผลตอบแทนได้ดีกว่าปีที่ผ่าน

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนของกลุ่มสหกรณ์ในตลาดหลักทรัพย์มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนโดยตรงของสหกรณ์อาจทำได้ยากกว่าเนื่องจากติดข้อกำหนดในเรื่องของผู้สอบบัญชี ในบางด้านโดยการให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเข้ามาช่วยนั้นถือเป็นการจ้างมืออาชีพเข้ามาบริหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในการลงทุน ส่วนการลงทุนของสหกรณ์ในตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้มีมูลค่าที่สูงมากนัก 

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ