ผลสอบ “ไอเฟค” ของกระทรวงพาณิชย์พบปี 2559 ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาพุ่ง 161 ล้าน ปูดธันวาคมเดือนเดียว บิ๊กไอเฟค ควักเงินบริษัทจ่ายกว่า 92 ล้าน
ตามที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บริษัทอินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (IFEC) จำนวนไม่น้อยกว่า 5% ยื่นหนังสือถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ขอให้ตั้งผู้ตรวจสอบกิจการ IFEC ตามมาตรา 128 ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 ใน 2 รอบบัญชี นับตั้งแต่ 1 ม.ค.2559-31 พ.ค.2560
ผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ตรวจสอบ 5 ประเด็น 1.ตรวจสอบชื่อผู้ลงนามในตั๋วแลกเงินที่ออกให้แก่บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2559 จำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท
ประเด็นที่ 2 ตรวจสอบชื่อผู้ลงนามในสัญญาจำนำหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ แคป แมนเนจเม้นท์ จำกัด ที่จำนำไว้กับ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2559
ประเด็นที่ 3 ตรวจสอบกรณีบริษัทมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลกับบุคคลหรือนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 ถึง 31 พ.ค.2560 ว่ามีจำนวนกี่ราย และการฟ้องร้องคดีดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการหรือไม่
ประเด็นที่ 4 ตรวจสอบค่าใช้จ่ายตามบัญชีแยกประเภท โดยให้ระบุ ค่าใช้จ่ายรวม ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าที่ปรึกษา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสำรองความเสียหายต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 ถึง 31พ.ค.2560 และประเด็นสุดท้าย ตรวจสอบรายการหนี้สินคงเหลือ ณ วันที่ 31 พ.ค.2560
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบกิจการของ IFEC ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการตรวจสอบนั้น ในประเด็นที่ 1-3 IFEC ไม่ได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องใดๆให้กับคณะผู้ตรวจสอบ โดยอ้างว่า บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการส่งมอบข้อมูล เพื่อป้องกันสิทธิของบริษัทตามกฎหมาย
คณะกรรมการที่ตรวจสอบพบว่า ในรอบปีบัญชี 2559 IFEC นำส่งบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา ให้แก่คณะผู้ตรวจสอบกิจการตรวจสอบ ณ ที่ทำการของ IFEC แต่ไม่ได้ส่งมอบสำเนาบัญชี
ผลตรวจสอบในประเด็นที่ 4 ผู้ตรวจสอบพบว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าที่ปรึกษา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสำรองความเสียหาย โดยเฉพาะที่ปรึกษาปี 2559 มียอดจ่ายถึง 161 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตรวจสอบเป็นรายเดือนพบว่าเดือนธ.ค.2559 เพียงเดือนเดียว IFEC ควักเงินจ่ายค่าที่ปรึกษากว่า 92 ล้านบาท ซึ่งเดือนก่อนหน้าจ่ายค่าที่ปรึกษาเพียงแค่ไม่เกิน 5.6ล้านบาทเท่านั้น
นอกจากนี้ IFEC ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสำรองความเสียหายในปี 2559 อีกจำนวน 1,472 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สงสัยจะสูญ 384 ล้านบาท การด้อยค่าจากเงินลงทุน 938 ล้านบาท และการด้อยค่าจากเงินให้กู้ยืมอีกจำนวน 150 ล้านบาท
ส่วนรอบปี 2560 ในประเด็นนี้ ผู้ตรวจสอบกิจการรายงานว่า บริษัทไม่ได้จัดส่งบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี พร้อมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ ให้กับคณะผู้ตรวจสอบกิจการ ซึ่งนายพิช่ากร เหมมันต์ ผู้รับมอบอำนาจของบริษัทชี้แจงว่า งบทดลอง บัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท และเอกสารประกอบการลงบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 ถึงวันที่ 31 พ.ค.2560 บริษัทไม่สามารถแสดงและนำส่งข้อมูลให้แก่คณะผู้ตรวจสอบเพื่อทำการตรวจสอบได้
เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไม่มีประธานกรรมการทำหน้าที่ต่างๆ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน มาตรา 81ทำให้ไม่สามารถเรียกและจัดการประชุมคณะกรรมการบริษัท ตลอดจนประชุมผู้ถือหุ้น รวมถึงการพิจารณาอนุมัติงบการเงินปี 2559 และแต่งตั้งผู้สอบบัญชีปี 2560 ได้
ดังนั้น จึงทำให้บัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท และเอกสารประกอบการลงบัญชีในส่วนของปี 2560 ยังไม่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้ตรวจสอบบัญชี
ผู้ถือหุ้นรายย่อย IFEC รายหนึ่ง กล่าวว่า คำถามใหญ่ที่ตามมาจากผู้ถือหุ้นก็คือว่า การที่ผู้บริหาร IFEC ควักเงินจ่ายค่าที่ปรึกษาที่มียอดสูงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้จ่ายส่อไปในทิศทางที่ไม่สุจริตหรือไม่ และเมื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการตรวจสอบกิจการ IFEC แล้วผลการตรวจสอบออกมาเป็นเช่นนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ต้องเรียกสอบข้อมูลหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง