โรงงานยาสูบร้องรัฐเยียวยาขาดทุนจากโครงสร้างภาษีใหม่

          รายงานข่าวจากสมาคมการค้ายาสูบไทยแจ้งว่าจากกรณีที่โรงงานยาสูบเผยว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ส่งผลกระทบต่อโรงงานยาสูบอย่างหนักถึงขั้นขาดทุนกว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐเข้าเยียวยาและหาทางรีดภาษีจากบุหรี่เอกชนเพิ่มเติม เนื่องจากตัวเองไม่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติให้เรียกเก็บภาษีผู้สูงอายุจากสินค้าเหล้า-บุหรี่เพิ่มอีกร้อยละ 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ต้นปี 2561 นั้น

           ทางสมาคมการค้ายาสูบไทย ตัวแทนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย) ที่มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1,000 ราย ระบุว่าขณะนี้ภาคธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์ยาสูบกำลังได้รับผลกระทบ ทั้งในเรื่องราคาที่ปรับตัวขึ้นสูง ตลอดจนภาษีกองทุนต่าง ๆ ที่จะเรียกเก็บเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาของเถื่อนที่ไหลทะลักเข้ามา ทำให้ร้านค้าได้รับผลกระทบจากการค้าขายที่ลำบากมากขึ้น วอนรัฐอย่าสร้างความผันผวนในตลาดเพิ่มเติม 

              นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทยเผยว่าปัจจุบันสินค้าบุหรี่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ราคาบุหรี่เกือบทุกยี่ห้อปรับตัวขึ้นสูงประมาณ 10-30 บาทต่อซอง จุดนี้ทำให้ร้านค้าได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ขายสินค้าได้ยากขึ้น เพราะทำให้บุหรี่ส่วนใหญ่ราคาแพงขึ้นทั้งหมด ในขณะที่ผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อมากพอ นอกจากนั้นการเรียกเก็บภาษีเหล้า-บุหรี่เพื่อสมทบกองทุนคนชราอีกร้อยละ 2 ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาบุหรี่ปรับตัวสูงขึ้นไปอีก และยังมีข่าว กทม.จะเก็บภาษีบุหรี่จากที่ไม่เคยเก็บมาก่อนอีก

           นางวราภรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่าตอนนี้สภาพตลาดก็กระทบกระเทือนอย่างหนักมากอยู่แล้ว เดี๋ยวปรับลงเดี๋ยวปรับขึ้น คนทำมาค้าขายที่เป็นรากหญ้ากำลังได้รับผลกระทบเต็มๆ  ทางสมาคมฯ ขอเรียกร้องต่อหน่วยงานภาครัฐ ขออย่าออกมาตรการใดๆ ในเรื่องโครงสร้างและอัตราภาษี ที่จะทำให้ตลาดแปรปรวนและเกิดความไม่แน่นอนอีกเลย สมาคมฯ อยากให้นึกถึงสภาพการค้าที่เป็นจริงด้วยว่า ผู้บริโภคมีกำลังซื้อแค่ไหน รวมถึงช่องโหว่ด้านราคาที่ตามมา เพราะท้ายสุด หากคนหันไปหาของเถื่อน หรือของหนีภาษีที่มีราคาจูงใจมากกว่าแค่ 20-30 บาทต่อซอง หรือหันไปหายาเส้นซึ่งถูกกว่ามาก สุดท้ายรัฐจะไม่ได้ทั้งรายได้ และไม่ได้เป็นการช่วยลดการบริโภคอย่างที่ตั้งใจไว้”

            ปัจจุบัน โครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ กำหนดให้ราคาบุหรี่ที่ไม่เกิน 60 บาท ต้องเสียภาษีอยู่ที่ร้อยละ 20 ในขณะที่บุหรี่ราคาสูงกว่า 60 บาท จะเสียภาษีสูงกว่า 2 เท่าคือที่ร้อยละ 40 และทุกยี่ห้อจะต้องเสียภาษีต่อมวนในอัตรา 24 บาทต่อซองเท่ากัน อัตราภาษีกองทุนต่างๆ ที่เรียกเก็บจากสินค้าเหล้า-บุหรี่รวมกันอยู่ที่ร้อยละ 5.5 แบ่งเป็น กองทุนสสส. กองทุนไทยพีบีเอส กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และในเร็วๆ นี้ก็จะเก็บภาษีกองทุนเพื่อคนชรา และยังมีภาษีเพื่อมหาดไทยอีกร้อยละ 10 ที่เพิ่งเริ่มเก็บตั้งแต่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน มีการรายงานการจับกุมบุหรี่เถื่อน-ปลอมโดยหน่วยงานรัฐต่างๆ  โดยจับกุมได้ทั้งหมด  4.8 ล้านซอง หรือเกือบ 97,000 ล้านมวน