ฮาบิแทท กรุ๊ป ทุ่มงบกว่า 850 ล้านรุกตลาดอสังหาฯ พัทยา

ฮาบิแทท กรุ๊ป ทุ่มงบกว่า 850 ล้านบาท
ปั้นคอนโดหรูเพื่อลงทุน “วินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา”
รุกตลาดอสังหาฯ พัทยา ส่งท้ายปี 2560

 
                    นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุน เปิดเผยว่า “ฮาบิแทท กรุ๊ป เตรียมพร้อมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่แห่งใหม่ โดยปักหมุดทำเล “วงศ์อมาตย์” ทำเลทองย่านพัทยา-นาเกลือ ซึ่งถือเป็นทำเลติดชายหาดยอดนิยมที่มีความงดงามทางธรรมชาติ มีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกสบาย และใกล้กับแหล่งชอปปิ้งยอดนิยม จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นิยมท่องเที่ยวและพักผ่อนในทำเลนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เข้ามาทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่หายไปส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พัทยากลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

               นอกจากนี้ จากการลงทุนของภาครัฐในด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานตามแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ อีอีซี อาทิ แผนการขยายสนามบินอู่ตะเภาให้รองรับผู้โดยสารมากขึ้น  และแผนการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมเส้นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายพัทยา – มาบตาพุด จะส่งเสริมให้มีการจ้างงานและกำลังซื้อกลับมาเติบโตอีกครั้ง และสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทั้งจากชาวไทย และชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
 
                 โครงการ “วินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา” (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya) เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์เพื่อการลงทุนระดับลักชัวรี่ 8 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กรรมสิทธิ์ (Freehold) จำนวน 1 ไร่ 53 ตารางวา ในซอยนาเกลือ 22 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จำนวน 192 ห้อง ขนาดพื้นที่ 25 – 57 ตารางเมตร มีทั้งแบบดีลักซ์ จูเนียร์สวีท และห้องสวีท อยู่ใกล้กับหาดวงศ์อมาตย์เพียง 200 เมตร และใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งใหม่ เทอมินอล 21 โดยมีคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบมาจากชื่อทำเลทอง “นาเกลือ” ซึ่งเป็นแหล่งนาเกลือ และปัจจุบันเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมง

                   ดังนั้นจึงถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการใช้วัสดุจากไม้และหิน โดยเน้นในส่วนสำคัญด้วยการใช้สีของทองแดง (Copper) มาเน้นเพื่อแสดงถึงความหรูหราและมีเอกลักษณ์ เพื่อนำสายตาไปสู่โถงทางเข้าขนาด 2 ชั้นและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่พาดกลางพื้นที่ตึกที่สามารถมองผ่านได้จากฟิตเนสด้านล่าง อันเป็นไฮไลท์ของโครงการฯ และมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในสไตล์เรียบง่ายแบบโมเดิร์น โดยโครงการฯ ได้วางแผนเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2563 โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3.8 – 9 ล้านบาท  โดยผู้ซื้อกรรมสิทธิ์ห้องชุดจะได้รับประกันผลตอบแทนจากการเช่าในอัตรา 6% ต่อปี ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี และตั้งแต่ปีที่ 6 ขึ้นไป บริษัทฯ จะแบ่งผลกำไร 60% ให้กับเจ้าของห้องต่อไป
                  “สำหรับการบริหารในรูปแบบโรงแรมนั้น ทาง ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้จับมือกับ “คอสโมโพลิแทน ฮอสปิทอลลิตี้ ในการบริหารโครงการภายใต้แบรนด์ “วินด์แฮม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” (Wyndham Hotel and Resorts) ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การบริการระดับ 5 ดาวให้กับลูกค้า เมื่อโรงแรมเปิดให้บริการในปี 2563” นายชนินทร์ กล่าว
                   มร.  เดวิด  เรย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการควบรวมกิจการและพัฒนาโครงการ ในเครือกลุ่มโรงแรมวินด์แฮม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายแฟรนไชส์แบรนด์โรงแรมชั้นนำ และให้บริการด้านการจัดการโรงแรมด้วยจำนวนโรงแรมมากกว่า 8,100 แห่ง ใน 78 ประเทศทั่วโลก กล่าวว่า “พัทยาเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่มีการเติบโตของนักท่องเที่ยวมากถึง 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560

                      จึงนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับฮาบิแทท กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ผ่านการออกใบอนุญาตของวินด์แฮม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท สำหรับโรงแรมแห่งแรกของเราในพัทยา ซึ่งโครงการ วินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ชั้นนำของวินด์แฮม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งมีอยู่ใน 106 แห่งทั่วโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่โดดเด่นด้วยห้องพักแขกที่สวยงาม ไปจนถึงร้านอาหารชั้นเลิศ และห้องประชุมที่ถูกออกแบบมาอย่างดี”
                    ทั้งนี้ มร.เดวิด ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีความมั่นใจว่า ด้วยทำเลศักยภาพของโรงแรม ซึ่งใกล้ชายหาดวงศ์อมาตย์จะเป็นรีสอร์ททางเลือกสำหรับผู้ที่ค้นหาความสงบในช่วงเวลาของการพักผ่อนในวันหยุด ในขณะที่เพลิดเพลินไปก้บแหล่งท่องเที่ยวหลักอื่นๆ ในพัทยาได้เป็นอย่างดี”
                   “ฮาบิแทท กรุ๊ป มั่นใจว่า โครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา จะได้รับการตอบรับที่ดีจากปัจจัยบวกในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านทำเลที่ตั้งของโครงการ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และการพัฒนาพื้นที่อีอีซีจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ชื้อตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอน” นายชนินทร์ กล่าวปิดท้าย